เจ้าไดอารี่จ๋าทำไมถึงเงียบเหงาแบบนี้นะ คิดถึงจัง เมื่อไหร่จะมากินชานมไข่มุกของเราสักที ทำไม นายไม่มาหาฉันสักที นายอยู่ที่ไหนกันแน่นะ “ลุค”

1 กุมภาพันธ์ 2562
สวัสดีเราชื่อไอเดียนะ แต่เพื่อนจะชอบเรียกเราว่าเดีย วันนี้เป็นวันรับน้องของพวกน้องปี 1 พวกพี่ปี 3 แบบเราเลยต้องมาร่วมทำกิจกรรมในวันนี้ด้วย ในตอนนั้นเราทั้งเหงื่อแตกและมือไม้สั่นไปหมดเลย เป็นปีแรกด้วย เราเลยไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงบ้าง จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาและยืนข้างเรา เขาก้มตัวลงมากระซิบกับเราข้างหูเราว่า “ใจเย็นสิ น้องมองมาทางนี้กันหมดแล้ว” พอเราตั้งสติได้และยืนนิ่งสักพักและทำสีหน้ามึนงง เหมือนพึ่งจะนึกออกเลยว่า เราไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย หลังจากนั้นเขาก็ได้แนะนำตัวเองว่า
“สวัสดี เราชื่อลุค พึ่งย้ายสาขามาใหม่ตอนปี 3 แต่เหมือนเราก็เคยเดินสวนกันบ้างแล้ว” ลุคเป็นผู้ชายตัวค่อนข้างสูง มีรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ ดูเป็นคนเฮฮาและดูกวน ๆ แต่ถึงจะดูกวนขนาดไหน จากที่เราได้เห็นเขาก็ดูมีความจริงใจอยู่นะ และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการรู้จักกันของเราสองคน
27 มิถุนายน 2562
เจ้าไดอารี่ เจ้าคงไม่รู้ล่ะสิ ว่าวันนี้เราไปเจออะไรมา จำลุคได้ไหม คนที่เราเจอกันในวันรับน้อง เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากเลย เราได้อยู่กลุ่มเดียวกันตลอดเลย เวลาที่เรามีปัญหาก็มีลุคที่คอยช่วยเหลือเรา คอยอยู่ข้าง ๆ ทำให้เรามีสติมากขึ้นและคอยเตือนเราในบางครั้งเวลาที่เราทำอะไรที่ไม่ดี แต่ว่ามันดีเหมือนกันนะได้มีคนแบบนี้อยู่ใกล้ ๆ และการที่เราได้สนิทกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น ก็ทำให้เราได้รู้ว่า เราทั้งคู่ชอบอะไรที่คล้ายกันอยู่ ที่สำคัญเราก็มีความฝันที่คล้ายกันด้วยนะ นั่นก็คือเราทั้งคู่อยากจะเปิดร้านชานมไข่มุกเป็นของตัวเอง เพราะเราทั้งสองคนก็ชอบอะไรคล้ายกันนี่เนอะ เฮ้อ ช่วงนี้ก็ใกล้จะสอบแล้วคงจะไม่ได้มาบ่นให้ฟังบ่อย ๆ แล้วนะเจ้าไดอารี่ อย่าพึ่งน้อยใจ เดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟังใหม่นะ

20 กรกฎาคม 2563
ตอนนี้ไอเดียปี 4 แล้วนะเจ้าไดอารี่ ใกล้จะเรียนจบแล้วเพราะเราได้ทำการสอบปลายภาคไปแล้ว ก็สำเร็จไปได้ด้วยดี เพราะมีลุคคอยช่วยกระตุ้นให้เราอ่านหนังสือและคอยติวให้เราไม่งั้นเราคงไม่น่าที่จะเรียนจบหรอก ก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกันนะ ปีกว่าแล้วเวลาแค่นี้เองแต่ก็เหมือนเราผูกพันกันมาเหมือนเป็นสิบปีเลย อีกไม่กี่วันเราทั้งคู่ก็จะได้รับปริญญาแล้วนะ เราจะเอาเจ้าไดอารี่มาถ่ายรูปในวันรับปริญญาของเราด้วย พอเรียนจบ เราก็จะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆเยอะแยะเลย แค่คิดก็อยากจะข้ามไปตอนทำงานเลยได้ไหม อืมม..การได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็อย่างเช่น การเปิดร้านชานมไข่มุกแบบที่เรากับลุคฝันไว้ไง มันต้องดีมากแน่ๆเลย วู้ว~ ชักจะเริ่มสนุกแล้วสิ ตั้งแต่ได้เจอกับลุคก็รู้สึกเหมือนว่าเมืองนี้มีแต่สีสัน มันไม่ได้เหงาเหมือนแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว อ้า เรานี่ยิ้มไม่หุบเลย อืม แล้วเราจะตั้งชื่อร้านชานมไข่มุกของเรากันว่าอะไรดีล่ะ Sweet Rabbit ดีไหม น่ารักดีเนอะ 555
13 กันยายน 2563
ทำยังไงดีเจ้าไดอารี่ ช่วงนี้ลุคดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลย เราก็ได้แต่คอยดูแลแหละเนอะ เหมือนจะดูพักผ่อนไม่พอ ขอบตาคล้ำ ๆ ข้าวปลาก็ไม่ค่อยกินล่ะ เฮ้อ ทำไมถึงต้องทำงานหนักขนาดนี้ด้วยนะ เป็นห่วงจัง ชีวิตตอนทำงานไม่เห็นจะเหมือนกับตอนเรียนเลย เราทั้งสองคนเมื่อก่อนมีเวลามากกว่านี้ตั้งเยอะเเหนะ ส่วนเรื่องความฝันของเราสองคนในตอนนี้คงต้องพักไปก่อน ในความเป็นจริงพอเราทั้งสองคนจบออกมาแล้วก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ยังไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นสักทีเลย แต่อย่างน้อยก็ดีเนอะที่เราสองคนยังคุยกันในทุกวัน ถ้าไม่ได้คุย ไม่ได้ระบายให้กันฟังทุกวัน เราทั้งคู่คงอกแตกตายกันไปแล้ว นี่ขนาดแค่ลุคไม่สบายยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปขนาดนี้เลย ถึงเราอาจจะอยู่ไกลกันหน่อยแต่พวกกำลังใจที่ส่งหากันมาเต็มเปี่ยมเลยนะจะบอกให้ ภาวนาขอให้ลุคหายไว ๆ เถอะ

15 กันยายน 2563
แย่แล้ว! เจ้าไดอารี่เราควรทำยังไงดี เรื่องใหญ่แล้ว ลุคหมดสติล้มหัวฟาดพื้นไปในห้องน้ำที่บ้าน ตอนที่เราได้ยินข่าว จากกำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มนั้นก็หายไป เปลี่ยนกลับมาเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาแทน โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว เหมือนเวลาหยุดหมุนไป เรารีบคว้ากระเป๋าออกจากที่ทำงาน และรีบไปโรงพยาบาลในทันที ทั้งหัวใจทั้งร่างกายมันสั่นไปหมด ทุกอย่างหยุดนิ่งทันทีที่เราได้เห็นลุคนอนอยู่ที่เตียงในห้อง ICU
เรารีบวิ่งไปหาลุคที่เตียงผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และถามคุณหมอว่า คุณหมอคะ ลุคจะเป็นอะไรมากไหมคะ ? ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ ? แล้วลุคจะตื่นขึ้นมาไหมคะ ? หลายคำถามที่อยู่ในใจหลุดออกมาทั้งหมดโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“ใจเย็น ๆ นะคะ คุณคือญาติของคนไข้รึเปล่าคะ ?”
“ม…ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนค่ะ”
“ตอนนี้ทางเราได้ทำการรักษาเบื้องต้นแล้วนะคะ แต่พอที่จะติดต่อญาติหรือคุณพ่อคุณแม่ของคนไข้ได้หรือเปล่าคะ ? ทางเราต้องใช้เวลาตรวจเพื่อความมั่นใจและแน่ใจที่สุดก่อน ผลตรวจจะได้ไม่คลาดเคลื่อนนะคะ”
บทสนทนากับเรากับคุณหมอในวันนี้ได้จบลงไป และอีกไม่นานเราก็ได้รู้ว่า ลุคได้กลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว คุณหมอบอกกับเราว่าเจ้าชายนิทรานั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุแต่ของลุคนั้นคือ ภาวะสมองบาดเจ็บ คือการได้รับบาดเจ็บจากสิ่งของหรือแรงกระแทกภายนอกที่มากระทบศีรษะอย่างรุนแรง
ตอนนี้ลุคประสบภาวะไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้ต้องคอยดูอาการไปเรื่อย ๆ มันอาจจะดีขึ้นหรือไม่ก็ได้ แต่คุณหมอบอกกับเราว่าคนไข้มีสิทธิ์ที่จะดีขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับการดูแลและตัวคนไข้เอง จะมีบางเคสเท่านั้นที่เสียชีวิต เคสที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับโรคแทรกซ้อนซะมากกว่า และสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือเราอาจจะทำการกายภาพให้ลุคพยายามคุยกับเขาหรือเปิดเพลงหรืออะไรก็ได้ให้ลุคฟัง ถึงแม้ลุคอาจจะไม่ได้ยินหรือรู้สึกอะไรเลยก็ตาม
4 ตุลาคม 2563
เราได้ตัดสินใจกับลุคแล้วแหละว่าเราจะทำร้านชานมไข่มุกแบบที่เราทั้งคู่ใฝ่ฝันไว้กัน มันต้องออกมาดีมากแน่ ๆ เลย เพราะลุคก็มาช่วยเราคิดด้วยนะ ว่าเราจะทำสูตรแบบไหนกันดี ไข่มุกจะต้องเป็นแบบไหนยังไงบ้าง เราจะไปเก็บชาหรือทำชาจากที่ไหน แก้วแพคเกจจิ้งต่าง ๆ จะต้องเป็นยังไง และร้านของเราที่แรกจะเปิดที่ไหน
รู้ไหม เอาจริง ๆ มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นนะ เรากับลุค เถียงกันหลายรอบมากจนคนรอบข้างมองเต็มไปหมดเลย จริง ๆ เราว่าเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เสียงดังขนาดนั้นนะ แต่วันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และถ้าทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วเราจะเอามาอวดเจ้าไดอารี่แล้วกันนะ เอ๊อ! แล้วก็วันนี้เราลาออกจากงานมาแล้วนะเพื่อที่จะทุ่มเทกับร้านและลุคให้เต็มที่ไปเลย กำลังทรัพย์ต่าง ๆ ก็พร้อมมาก เหลือแค่พวกองค์ประกอบและความคิด คงจะต้องพึ่งลุคมากหน่อย แต่ก็…ลุคเก่งเรื่องพวกนี้ เรายิ้มไม่หยุดเลย ปลื้มปริ่มสุด ๆ จนบอกไม่ถูกไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาสักพักใหญ่แล้วนะ มีสีสันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยพอเราทำเสร็จ เรากับลุคจะเป็นลูกค้าคนแรกก็แน่สิร้านของเราทั้งคู่นี่เนอะ เพราะมี “เดีย” ต้องมี “ลุค”

27 ธันวาคม 2563
ตะด๊า~ นี่ไงล่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพคเกจจิ้งแก้วชานมไข่มุกของร้านเรา เป็นยังไงล่ะเจ้าไดอารี่น่ารักสุด ๆ ไปเลยใช่ไหม เราเป็นคนคิดเองเลยนะ แต่ช่วงนี้รู้สึกแปลกจัง เดินไปไหนมาไหนหรือไปที่ไหนก็มีแต่คนมอง หรือพวกเขามองลุคกันนะ คุณพ่อสุดหล่อ ไม่ได้นะ เรามองได้คนเดียว! แต่เราว่าวันนี้เราก็ไม่ได้คุยกับลุคเสียงดังนะ หรือว่า! เพราะเราน่ารักเกินไป ต้องใช่แน่เลย เจ้าก็คิดแบบนั้นใช่ไหมเจ้าไดอารี่ วันนี้มาอวดแค่นี้แหละ อิอิ มีความสุขที่สุดเลยการได้ใช้เวลากับคนที่รักกับความฝันที่ชอบ
25 มกราคม 2564
เฮ้อ..เจ้าไดอารี่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาอัพเดทเลย มันรู้สึกเหนื่อย ๆ แบบบอกไม่ถูก ลุคก็ดูเหนื่อยมากเหมือนกัน หน้าซีดเซียวทั้งคู่เลย แต่ร้านก็กำลังไปได้ดีเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานก็คงได้เปิดแล้ว เราเลือกสถานที่ใกล้ในเมือง ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาจะได้เห็นและลองมาแวะชิมแวะดูกันได้ง่าย แถมสะดวกติดรถไฟฟ้าด้วย น่าจะเป็นแหล่งที่ดีใช่ไหม พวกเมนูตอนนี้ก็ 95%แล้ว ฝันของเราทั้งคู่ใกล้จะเป็นจริงแล้วนะ พักนี้สมองไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่เลย แต่วันนี้ได้พาลุคไปเดินเล่นที่แถวสถานที่ที่ร้านจะเปิดด้วย อากาศดีมากเลย มีทั้งเสียงนกร้องเบา ๆ และลมพัดที่ไม่แรงมาก แสงจากพระอาทิตย์อ่อน ๆ บรรยากาศที่บริสุทธิ์ อยากพักแบบนี้ ไปนาน ๆ จัง ได้อยู่กับลุคกับร้านชานมไข่มุกที่ใฝ่ฝันและบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่น แบบนี้ดีจังเนอะ รอยยิ้มของลุคที่อยู่ด้วยกันในวันนี้เราจะไม่มีวันลืมเลย
1 กุมภาพันธ์ 2564
เจ้าไดอารี่จ๋า วันนี้ร้านของเราได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้วนะ เป็นวันที่มีความสุขที่สุด เราถ่ายรูปคู่กับลุคไว้เต็มเลย ตอนขอให้คนอื่นถ่ายให้เขาก็ทำหน้ามึน ๆ งง ๆ กัน ไม่รู้ว่าจะงงอะไรก็แค่อยากจะถ่ายรูปคู่กับหุ้นส่วนสุดหล่อของร้านแค่นั้นเอง ไว้ถ้าเราเอารูปไปล้างมาแล้วจะอวดให้เจ้าดูนะเจ้าไดอารี่ เย้! คนมาลองซื้อชานมไข่มุกกันเต็มเลย ไว้จะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ ของไปจัดการร้านก่อน
เหตุการณ์ไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากที่ไอเดียเขียนไดอารี่เสร็จ
กรี๊ง ๆ เสียงโทรศัพท์ของไอเดียได้ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ ไอเดียพูดค่ะ”
“ไอเดียหรอลูก มาที่โรงพยาบาลด่วนเลย! ลุคเขา…”
ตื้ด ๆ อ..อ้าว สายได้หลุดไปแล้ว เอ๊ะ ไปโรงพยาบาล ? ลุค ? เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ !!? แย่แล้ว! ลุคอย่าเป็นอะไรไปนะ เมื่อกี้ยังอยู่ข้างกันตรงนี้อยู่เลย หรือว่าจะไปล้มที่ไหนอีก

3 กุมภาพันธ์ 2564
เจ้าไดอารี่ จำได้ไหม รูปที่เราเคยบอกไว้ไง ที่ถ่ายกับหุ้นส่วนสุดหล่อ ดูรอยยิ้มของเราสิ มันมีความสุขมาก แย่จังเลย ทำไมน้ำตามันไหลออกมาเองแบบนี้นะ มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม เจ้าไดอารี่ เจ้าบอกเราหน่อยได้ไหม ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ! อะไรกัน ทั้งหมดนี้ ตลอดตั้งแต่ตอนจะสร้างร้านชานมไข่มุก ตลอดการวางแผน ตลอดในการทำทุกอย่าง บอกสิว่ามันไม่จริง มันไม่จริงใช่ไหม เราทำมันคนเดียวได้ยังไง!? มันเป็นความฝันของเรากับลุคนะ แล้วทำไมลุคปล่อยให้เราทำคนเดียวแบบนี้ล่ะ มันเป็นความฝันของเราทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ ?
เราเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาคุยกับลุค เถียงกับลุคถึงมีแต่คนมอง ทำไมเวลาขอให้คนถ่ายรูปคู่ให้พวกเขาถึงทำแต่หน้ามึนงง เรารู้แล้ว ตลอดมานี้นี่เราเป็นอะไรกันแน่นะ ไม่มีลุค ไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีแม้แต่เสียงใด ๆ มีแค่เราคนเดียว มีแค่เรา จริง ๆ หรือ อย่ามาหลอกกันได้ไหม ในหัวเราตอนนี้มีแต่คำ ๆ นี้จริง ๆ มันไม่จริงใช่ไหมเจ้าไดอารี่ ตั้งแต่ลุคเข้าโรงพยาบาลในตอนนั้น เราก็คิดมาตลอดว่าลุคยังอยู่กับเราตลอดเวลา ลุคหายดี ตื่นขึ้นมาอยู่ข้างกันเหมือนเดิมแล้ว ไม่เคยไปไหน และเรายังยิ้มด้วยกัน ยังหัวเราะด้วยกัน มีความสุขไปด้วยกัน ผ่านเรื่องที่ร้ายเรื่องที่ดีมาด้วยกัน แล้วทำไมลุคมาทิ้งเราไปแบบนี้ล่ะ เราพึ่งเปิดร้านชานมไข่มุกด้วยกันเสร็จไม่ใช่หรือ
6 กุมภาพันธ์ 2564
ทั้งหมดนี้ มันคืออะไรกันเจ้าไดอารี่ ลุคไม่เคยตื่นขึ้นมาเลยไม่เคยพูดหรือลุกขึ้นออกมาจากเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลนั้นเลย ทั้งหมดนี้คือเราคิดไปเองทั้งหมด แต่มันเหมือนจริงมากเลยนะ ทั้งหน้าตา เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม มันคือลุคจริง ๆ นะ คนที่อยู่ข้างเราในตอนที่จะทำร้านชานมไข่มุกด้วยกัน
ในตอนที่คิดอะไรหลายอย่างด้วยกัน “ลุค ร้านชานมไข่มุกของเราทั้งคู่เปิดสำเร็จแล้วนะ” และตอนนี้เจ้าชายนิทราก็ได้จากเราไปแล้ว ลุคได้จากเราไปอย่างไม่มีวันกลับมา เราควรทำยังไงต่อไปดีนะเจ้าไดอารี่ ความฝันของเราคงไม่มีแกอยู่ในนั้นจริง ๆ สินะ ไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้มันคงเหลือเพียงแค่ความฝันของเราคนเดียว ตลกดีเนอะเจ้าไดอารี่ เริ่มมาจากตัวคนเดียว ตอนนี้ก็กลับมาอยู่เพียงตัวคนเดียวอีกแล้ว ชีวิตของคนเรา มันไม่แน่นอนจริง ๆ เลยเนอะ ชอบเล่นตลกกับเราอยู่เรื่อยเลย ยังไงก็ เราคงจะไม่เขียนไดอารี่ต่อแล้ว ถึงแม้ฝันนี้จะไม่มีแกอยู่ด้วย แต่ก็ขอบคุณนะลุค

ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจกัน อยู่ด้วยกันตลอดที่เราทำร้านชานมไข่มุกนี้ เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าแกจะรู้ไหม ถึงแม้ทั้งหมดนั่นอาจจะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง หรือความคิดของเราที่เราเห็นแกในตอนที่ตัวเองกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวมากก็ตาม แต่ความฝันของเรามันก็สำเร็จเพราะแกเลยนะ เราได้เปิดร้านชานมไข่มุกเป็นของตัวเองแล้ว มันดีมากเลยใช่ไหม
ขอบคุณนะ ที่วันนั้นแกทักเราเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกันและผูกพันกันมากขนาดนี้ ต่อไปนี้เราคงต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้แล้ว ถึงแม้มันอาจต้องใช้เวลา แต่เราก็สัญญานะว่าจะไม่ทำให้แกผิดหวัง ขอบคุณช่วงเวลาที่ดีทั้งหมดนี้ที่เรามีด้วยกันมานะ ลุคและเจ้าไดอารี่ของไอเดีย ต่อไปนี้คงไม่ได้มาระบายอะไรให้ฟังแล้วนะ ขอบคุณที่คอยอยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอดหลายปีมานี้ ลาก่อนนะเจ้าไดอารี่จ๋า