เชื่อว่าชีวิตประจำวันของใครหลายคนต้องมีช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อ มองไปรอบตัวก็ไม่อยากจะทำอะไร หรือบางคนก็แทบจะไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร เป็นคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ เพียงแค่ต้องใช้ชีวิตต่อไปตามกาลเวลา แต่มีคนอยู่หนึ่งคนซึ่งแตกต่าง เธอเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่เธอเป็นคือความโลกสวย แต่ไม่ใช่อย่างนั้นสิ่งที่เธอเป็นก็เพียงแค่มองสิ่งรอบตัวอย่างลึกซึ้งมากขึ้น และทำให้ตัวเองมีความสุข
เธอมีชื่อว่า “พู่กัน” หญิงสาววัย 20 ปี กำลังเรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย เธอเคยประสบปัญหาการมีชีวิตประจำวันที่แสนน่าเบื่อ แต่แล้ววันหนึ่งก็ทำให้เธอได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตไปโดยปริยาย มีอยู่วันหนึ่งเธอเดินออกมาจากยิมที่คอนโดไปตามทางที่ทอดยาวเพื่อที่จะกลับห้องพักแต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องบางอย่าง เป็นเสียงที่รู้จักดี เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียง ที่ระเบียงคอนโดชั้นสองเธอพบกับเจ้าแมวส้มตัวอ้วนที่เจ้าของนั้นได้แอบเลี้ยงไว้ มันนอนขดตัวอยู่ที่ตะกร้าผ้า
พู่กันและเจ้าแมวส้มสบตากันผ่านระเบียงโดยมีมุ้งลวดกั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นทำให้เธอรู้สึกใจฟูกับการพบเจอเจ้าแมวส้ม และหลังจากนั้นทุกครั้งที่เดินผ่านตึกที่เจ้าแมวส้มอยู่ เธอก็จะหยุดมองทุกครั้งเพื่อรอพบเจอมัน หลายต่อหลายครั้งที่อาจจะไม่ได้เห็นมันโผล่ออกมาที่ระเบียง แต่หญิงสาวก็ยินดีที่จะรอเพื่อได้พบเจอเจ้าแมว และครั้งไหนที่ได้เจอ เจ้าเหมียวก็จะนอนอยู่ที่ตะกร้าใบเดิมใบ แหล่งซุกตัวที่โปรด มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของใครหลายคน แต่กลับกันแล้วเจ้าแมวส้มเป็นสิ่งที่มาเติมเต็มชีวิตของเธอให้มีความหวังที่จะอยู่ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความหมาย
การพบเจอกับเจ้าแมวส้มครั้งนั้นทำให้พู่กันมองโลกแตกต่างออกไป อาจจะไม่ใช่โลกทั้งใบ แต่เป็นโลกใบเล็ก ๆ ที่จะทำให้เธอมีความสุขกับการใช้ชีวิตประจำวันได้มากขึ้น เธอเริ่มมองสิ่งรอบตัว และการกระทำในชีวิตประจำวันของเธอให้มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ และยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ความธรรมดาในการใช้ชีวิตของเธอเป็นสิ่งพิเศษขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการที่เธอเริ่มเข้านอนตอนสี่ทุ่มและตื่นในหกโมงเช้า หรือจะเป็นการเจอดอกไม้เล็ก ๆ เต็มไปหมด ถึงแม้ว่าเจ้าดอกไม้เหล่านั้นมันจะเป็นเพียงแค่ดอกหญ้าหรือวัชพืช การที่มันเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงามทำให้ทัศนียภาพในสายตาของเธอมีอะไรที่ดีเข้ามาให้มอง เจ้าดอกไม้พวกนั้นอาจจะไม่ถูกใจช่างตัดหญ้ามากนักแต่ถูกใจเธอ
หลังจากหลายเหตุการณ์ผ่านเข้ามา ทำให้ชีวิตของพู่กันมีสีสันเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ววันหนึ่งก็ได้มีงานใหญ่เข้ามาเป็นงานของวิชาถ่ายภาพที่พู่กันเรียนอยู่ อาจารย์ประจำวิชาได้ให้นักศึกษาถ่ายภาพตามหัวข้อที่ตัวเองสนใจ การสั่งงานครั้งนี้ทำให้เธอมีไอเดียบรรเจิดจากประสบการณ์ที่ได้พบเจ้าแมวส้มตัวนั้น หญิงสาวไม่ลังเลที่จะเลือกหัวข้องาน เธอได้เสนอหัวข้องานที่มีชื่อว่า “Extraordinary ความธรรมดาที่แสนพิเศษ”
พู่กันเชื่อว่าบางทีความสุขของชีวิตในทุกวันนี้แต่ละวันมันก็เกิดจากเรื่องราวต่าง ๆ สิ่งรอบตัวในชีวิตประจำวันที่เจอได้ทุกวัน ถึงจะเป็นเพียงเรื่องราวเล็กน้อยที่เกิดขึ้น แต่หากว่าเรานั้นได้มอง ได้ทำ ได้รู้สึกดีไปกับสิ่งนั้นก็เพียงพอแล้วที่มันจะเป็นความสุขในชีวิตของเรา เธออยากจะให้ผลงานภาพถ่ายชุดนี้เมื่อทุกคนได้เห็นแล้วก็สบายใจและรู้สึกดีไปด้วย แต่บางทีก็แค่รู้สึกว่ามันน่ารักดีก็เลยอยากถ่าย นี่คือสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกไปผ่านภาพถ่ายของเธอ
คนอื่นอาจจะต้องออกไปนอกสถานที่ อาจจะต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด อาจจะต้องไปถ่ายรูปในคาเฟ่หรืออาจจะต้องถ่ายรูปในกรุงเทพที่สวยงาม แต่สำหรับพู่กันแล้วต่างกันด้วยแนวคิดที่เธอเน้นความธรรมดา หญิงสาวเพียงแค่จะต้องการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตจำวันให้ออกมาสวยงามและรู้สึกดี มันก็แค่การถ่ายภาพสิ่งรอบรอบตัว
เธอได้ถ่ายภาพอาหารเช้าที่คนปกติอาจจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่อยากให้มันพิเศษ อยากให้ออกมาดั่งภาพใน Pinterest พู่กันทอดไข่ดาวสองฟอง ไส้กรอกสองชิ้น กล้วยหนึ่งลูก ตามด้วยซอสมายองเนสและมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบในจานอันสวยงาม โต๊ะปูด้วยผ้าปูโต๊ะลายสก็อตสีเขียว ตามด้วยการผ่าทับทิมครึ่งลูกวางไว้บนผ้า มีซีเรียลยี่ห้อฟรุตท์ลูปส์ที่ชอบกินกล่องเล็กวางอยู่อย่างกระจัดกระจาย มีชิ้นซีเรียลร่วงออกมาอย่างประปราย นมจืดแก้วเล็กหนึ่งแก้ว เพื่อเป็นองค์ประกอบให้ดูสวยงาม เธอเปิดม่านเพื่อให้แสงอาทิตย์จากธรรมชาติสาดส่องเข้ามาที่อาหารเช้ามื้อนี้ เธอบรรจงกดชัตเตอร์และหามุมมองปรับแก้อยู่หลายครั้งเพื่อให้ได้ภาพออกมาที่สมบูรณ์
และนี่ก็เป็นหนึ่งในภาพที่พู่กันตั้งใจถ่ายที่สุดและเป็นภาพที่ภูมิใจที่สุด แล้วหลังจากถ่ายเสร็จพู่กันก็ได้ลองกินอาหารเช้ามื้อนั้นเป็นอาหารเช้าที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมา อร่อยด้วยความรู้สึกที่ดีนั่งกินอย่างบรรจง อร่อยด้วยความที่มีแสงสาดส่องและบรรยากาศที่ดีงามมองผ่านหน้าต่าง มันเป็นความธรรมดาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความสุขกับสิ่งนี้ได้ พอลองเปลี่ยนไปกินอาหารเช้าริมหน้าต่างที่แสงส่องเข้าถึงก็รู้สึกดีขึ้นได้เหมือนกัน ปกติจะหันหน้าเข้าหาแต่โทรทัศน์ที่เปิดรายการทีวีไปอย่างเรื่อยเปื่อย ขณะเดียวกันก็หยิบมือถือมาสไลด์ดูเหตุการณ์ความเป็นไปที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล
เมื่อวันที่ต้องนำเสนอผลงานภาพถ่ายก็มาถึง พู่กันนั่งมองดูเพื่อนหลายคนนำเสนอผลงานของตัวเอง เธอพบว่าหลายคนมีความคิดที่คล้ายกัน เธอมองว่าถ่ายภาพบรรยากาศในกรุงเทพเป็นสิ่งน่าอึดอัด ทำให้เธอสึกมั่นใจในผลงานภาพถ่ายของตัวเองที่มีความคิดแตกต่างจากเพื่อนทุกคน เพราะเธอเลือกนำเสนอด้วยสิ่งรอบตัวที่แค่เรื่องเล็กน้อยก็มีความสุข
การนำเสนอของพู่กันผ่านไปด้วยได้ดี เธอมั่นใจมากว่าอาจารย์จะต้องชอบในผลงานนี้ สังเกตได้จากสีหน้าที่ดูชื่นมื่นของอาจารย์ และคำชมที่ได้รับจากเพื่อน ๆ หลังจากจบเทอมไป วันเกิดของพู่กันเป็นวันที่เกรดวิชาถ่ายภาพประกาศ และเธอก็ได้รับของขวัญวันเกิดที่ดีสุดที่นั่นก็คือเกรดเอ มันช่างเป็นวันที่ดีจริง ๆ
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าพู่กันจะไม่ได้พบเจอกับเรื่องแย่ ๆ เหมือนกับคนอื่น เธอมีช่วงเวลาที่ไม่ดีและน่าเบื่อ เธอไม่รู้ว่าจะอยู่หรือใช้ชีวิตต่อไปเพื่ออะไร ไม่เข้าใจเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อ มันมีความคิดชั่ววูบหนึ่งที่ทำให้คิดว่าถ้าตายไปก็คงไม่ได้มีใครรู้สึกอะไร เพราะตัวเธอก็ยังไม่กลัวเลยที่จะตาย แต่น่าแปลกที่กลัวการมีชีวิตอยู่ต่ออย่างน่าเบื่อและเปล่าเปลี่ยว
บางครั้งพู่กันไม่เข้าใจเหตุผลของการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร จะเรียนไปเพื่ออะไร ทำงานไปเพื่ออะไร จะมีเงินเยอะเยอะไปทำไม เธอต้องการอะไรอีก ณ ช่วงเวลานั้นมันอาจจะเป็นความคิดและทัศนคติที่แย่ แต่มันก็เป็นแค่เสี้ยวเวลาหนึ่งในความคิดที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไป
ต่อจากนี้ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องดี ไม่ดี หรือน่าเบื่อมากมายแค่ไหนเข้ามาในแต่ละวัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่คนเราต้องพบเจอ แต่เราจะมีหนทางความคิดที่ทำให้เอาตัวเองออกมาจากสิ่งที่ไม่ชอบใจเหล่านั้น เพื่อเยียวยาให้อารมณ์และจิตใจให้เบิกบาน เหมือนกับดอกไม้วัชพืชที่ต่อให้โดนตัดอีกกี่ครั้งมันก็จะเติบโตขึ้นมาใหม่อย่างเฉิดฉายและงดงาม