ความหวังและความฝันที่แลกมาด้วยหยาดน้ำตา อดทนไว้อีกนิดนึงนะ ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ได้โปรดช่วยมีชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็งที!
คุณเคยมีความรู้สึกว่าเราไม่มีใครแถมยังใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ที่มีแต่ความวุ่นวายและสังคมที่เจออยู่ก็มีแต่ความ toxic ไหมคะ นั่นแหละค่ะ ทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่เด็กสาวได้พบเจอ
มะลิเป็นเด็กสาวที่ไม่ได้ต้องการชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เธอต้องการแค่มีชีวิตที่มีความสุขเท่านั้นเอง และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ความฝันของเด็กคนหนึ่งจะต้องไม่พังทลายลงไป เพราะคำดูถูกเพียงไม่กี่คำ
ตัวคนเดียว
มะลิเป็นเด็กสาวอายุ 18 ปี เธอน่ารัก เรียบร้อย สดใส มองโลกในแง่ดี เธอเป็นเด็กสาวจากต่างจังหวัด ที่ต้องมาดิ้นรนเพื่อตามหาความฝันของตัวเองในเมืองหลวงด้วยตัวคนเดียว เธอตั้งใจสอบให้ติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ เรียนเอกวิชาภาษาเกาหลี เพื่อทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เธอมุ่งมั่นมากจนเกินไป จนไม่ได้คิดถึงผลที่อาจจะตามมาของการมาเรียนที่เมืองกรุงอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ให้ดีก่อน
ความวุ่นวาย
เมื่อเธอเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองกรุง มะลิรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางผู้มากมาย มะลิได้เจอกับสังคมที่มีการแข่งขันสูงและโชคชะตาได้พาเธอให้เข้าไปอยู่กับคนที่อวดอวยว่าตัวเองเก่งทุกอย่าง พูดให้ตัวเองสูงส่ง เจอสังคมที่ดูถูก เหยียดหยามคนต่างจังหวัดแบบเธอ
ด้วยความที่มะลิเป็นเด็กที่เก็บตัวไม่แสดงออกมากนัก มะลิจึงถูกเพื่อนร่วมห้องที่อยู่ร่วมกัน พูดนินทาลับหลังด่าว่าเธอสารพัด โดยที่ตัวเธอเองก็รับรู้ทุกอย่าง แต่มะลิก็ไม่สงสัยหรือตอบโต้เพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น
เหนื่อยล้ากับโลกใบนี้ที่ไม่มีใครเข้าใจ
การที่มะลิโดนกระทำแบบนั้น เพราะว่ามะลิเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่ชื่นชอบศิลปินเกาหลี มีความใฝ่ฝันว่า อยากจะพบเจอกับคนที่ตัวเองชื่นชอบสักครั้ง เธอไม่เข้าใจว่าเลยตัวเองนั้นทำอะไรผิด เพื่อนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนพูดกับเธอว่า เอาแต่เพ้อฝัน ไร้ค่า งมงาย ไม่มีสติ ไม่มีหัวคิด ไร้สาระ ปัญญาอ่อน และยังมีคำที่รุนแรงกว่านี้มาก การต่อว่าด้วยคำพูดที่รุนแรงเหล่านั้น มันทำให้เธอรู้สึกว่า เธอสิ้นหวัง เดียวดาย และไม่มีใครมองเห็นความพยายามของเธอเลย เธอรู้สึกเหนื่อยกับโลกใบนี้เหลือเกิน
ลุกขึ้นสู้
ในตอนนั้นเองเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอได้ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเพื่อนสนิทของเธอสมัยมัธยมปลาย
“ฮัลโหล เป็นไงบ้างมะลิ เค้าคิดถึงแกมากเลย สบายดีมั๊ย” พอมะลิได้ยินเสียงเพื่อนสนิทของเธอก็เลยตอบกลับไปแบบเสียงสั่นเครือว่า “อื้อ เค้าคิดถึงมะปรางเหมือนกัน ช่วงนี้หรอ สบายดีมากเลย แล้วมะปรางล่ะ”
มะปรางที่ได้ยินเสียงของมะลินั้นมะปรางก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า เพื่อนของเธอนั้นกำลังโกหก มะปรางไม่ได้ถามอะไรมะลิมากมาย แต่มะปรางกลับพูดให้กำลังใจแทน เพื่อให้มะลิดีขึ้น เพราะมะปรางรู้ดีว่าเพื่อนของเขานั้นกว่าจะผ่านมาได้ทุกวันนี้ มันหนักหนาสาหัสแค่ไหน
“มะลิตั้งสติก่อนนะ ที่ผ่านมาเธอเก่งมากแล้ว เธอมีความฝันของเธอที่ชัดเจนนี่นา อย่าให้คนอื่นมาทำร้าย มาตัดสินความฝันของเธอเองสิ ถึงแม้คนอื่นเขาจะไม่เห็นความพยายามของมะลิก็ช่างมัน มะลิยังมี คุณพ่อ คุณแม่ คนรอบข้างที่ยังคอยให้กำลังใจและเห็นถึงความพยายามของมะลิอยู่นะ มะลิมีคนเดียวบนโลก เพราะฉะนั้นอย่าลืมฟังเสียงหัวใจของตัวเองล่ะ “
หลังจากที่มะลิได้ฟังมะปรางพูดจบมะลิก็คิดขึ้นมาได้ว่ามะลิควรจะรักตัวเองให้มากกว่านี้
สิ่งที่รอคอย
หลังจากมะลิวางสายจากเพื่อนสนิท ก็ได้มีเสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นมาทันที ตึ้ง @WEAREONE Recommended for you มะลิเห็นแจ้งเตือนนี้เลยรีบกดเข้าไปดู เธอกรี๊ดออกมาอย่างดีใจ ความเหนื่อยที่สะสมมา ความเศร้าที่มีอยู่ได้หายไปในทันที ความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นภายในจิตของเธอ เพราะว่าพวกเขากำลังจะมา ศิลปินที่เธอชื่นชอบ พวกเขาจะมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย “ในที่สุดเราก็จะได้เจอกันแล้วนะคะ”
ความสุขที่อยู่ตรงหน้า
มะลิรู้สึกดีใจที่จะได้เจอศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ มะลิมีความสุขมากๆ เธอรู้ว่าศิลปินที่เธอรัก พวกเขาคอยเป็นแรงบันดาลใจ แรงผลักดันและกำลังใจในการใช้ชีวิตให้เธอเสมอ พวกเขาบอกให้มะลิมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเอง เธอจึงพยายามเพื่อตนเอง มีความสุขเพื่อตัวของเธอเอง ตอนนี้เธอไม่รู้สึกสิ้นหวังหรือเสียใจอีกต่อไปแล้ว “ขอบคุณมากนะคะ” มะลิกล่าวในใจพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่จะเดินหันหลังออกจากสถานที่จัดคอนเสิร์ต
You can’t change who you are, so why not love yourself. คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่คุณเป็นได้ แล้วทำไมคุณถึงไม่ลองรักตัวเองดูล่ะคะ ?