กอล์ฟ-ธนกฤต รุ่นพี่นิเทศ ม.กรุงเทพ คนขายเสียงที่ไม่ขายฝัน เดินตามฝันไร้ขีดจำกัด

ชายผู้ที่รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำจะสร้างความสุขให้ทุกคน

           “คะเมียวตำปรู๊ช คะเมียวตำปร๊าช คะเมียวตำปรู๊ซ คิซะหมูกขะชิมตราช” เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินประโยคดังคุ้นหูในผลงานเพลงสุดฮิตติดกระแสไวรัล เพลง แทนบ๋อย ที่ดังไปทั่วทุกแพลทฟอร์มในโลกโซเชียล ตอนนี้ยอดวิวในยูทูบก็ปาเข้าไป 26 ล้านวิวแล้ว

           แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า เจ้าของเสียงในเพลงท่อนฮิตคนนี้ เขาคือนักพากย์เสียงลีลาเด็ด พร้อมสะกดทุกคนด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ คนขายเสียง ที่ไม่เคยขายฝัน กอล์ฟ-ธนกฤต เอ็นดูรัศมี รุ่นพี่สาขาวิชาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

           เราก็ไม่พลาดที่จะเจาะลึกชีวิตของกอล์ฟ นักร้อง นักแต่งเพลง และสำคัญที่สุด คือนักพากย์เสียงรุ่นใหม่ ผู้มีเสียงเป็นอาวุธ

กอล์ฟ-ธนกฤต เอ็นดูรัศมี นักพากย์เสียงและนักศึกษาทุน BUCA Talent คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

เสียงร้องไวรัลพุ่งแรงตามกระแส

           ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจในการทำเพลง แทนบ๋อย ที่กำลังเป็นไวรัลอยู่ในปัจจุบันนี้ กอล์ฟเล่าให้ฟังว่า เราเริ่มจากการที่เรารวมตัวกันจากเพื่อนสนิทที่เป็นเด็กกิจกรรมกลุ่มเดียวกัน นั่นก็คือกลุ่มกิจกรรม BUCA Talent พอเริ่มทำกิจกรรมขึ้นมาก็ได้ลองทำหนัง คนนึงก็เป็นเพื่อนที่เรียนฟิล์ม เราอยากลองทำอะไรหลายอย่าง เพราะการทำกิจกรรม BUCA Talent ตรงนี้ มันเหมือนเป็นการเปิดมุมมองว่า หนึ่งคนมันไม่ได้ทำแค่ลองทำ แต่พอเราได้ทำสิ่งนี้ปุ๊บ มันได้เห็นว่าเราสามารถทำมันได้ดีแค่ไหน ก็เลยอยากรู้เหมือนกัน ถ้าทำเพลง มันจะทำได้ดีสักขนาดไหน

           เพลงแทนบ๋อยนี้มีที่มาจากพี่ที่สนิทคนหนึ่ง พี่เขาเรียนเสรีบาริสต้าอยู่ปี 3 ครับ ชื่อพี่แทน แล้วเราก็รู้สึกว่า พี่แทนเขาเป็นบ๋อยที่น่ารักมาก ซึ่งสิ่งที่พี่แทนได้พบที่บียูคาเฟ่นั้น เป็นเรื่องราวที่น่ารักมาก เขาได้เจอกับผู้หญิงที่น่ารัก แต่ก็ไม่สามารถบอกความรู้สึกได้ เพราะมันมีเส้นบาง ๆ กั้น ระหว่างผู้บริการกับลูกค้า เราจึงแต่งเพลงล้อเขา ด้วยเพลงแทนบ๋อย อารมณ์ประมาณว่า เราทำได้เพียงบริการเธอ ให้ความรักแก่เธอผ่านกาแฟที่ชง

           เอ็มวีเพลงที่เราทำออกมา ไม่ได้ทำเอาหวังผลอะไรอยู่แล้ว เราทำกับเพื่อน เราตั้งบริษัทเอ็กซ์แม็กขึ้นมา แล้วเราก็ไปรับผลิตเอ็มวีของศิลปินหน้าใหม่ แล้วศิลปินจากค่ายอื่น ๆ

           ทีนี้มีข้อจำกัดในการทำเอ็มวีให้ศิลปิน มันจะมีกรอบที่ถูกตีไว้สำหรับการทำเอ็มวี เราก็เลยเอาเพลงที่เราเคยทำ มาทำเอ็มวีเอง แล้วก็ตัดกรอบทุกอย่างออกไป ให้มันออกมาจากใจเรา เราอยากจะใส่อะไรลงไปในเอ็มวีนี้ เราก็ใส่ นั่นแหละมันก็เลยออกมาขนาดนั้น สร้างภาพจำมาก

           ตอนแรกไม่คิดเลยว่า จะได้ผลตอบรับที่น่าตกใจขนาดนี้ เพราะเราแต่งเล่น ๆ ตอนเห็นยอดวิวตะลึงมาก ส่วนความหมายเพลงตรงท่อนร้องของเราที่พูดไม่รู้เรื่อง อยากจะสื่อเป็นสัญญะ คือ ความรู้สึกของพี่แทนที่อยากจะมอบความรักให้ แต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

           ความสำเร็จจะมาหาเราได้ ก็ต่อเมื่อ ชอบแล้วลงมือทำ รู้จักตัวเองให้ได้ก่อน แล้วคนอื่นจะรู้จักเราที่เป็นเรา กอล์ฟบอกอีกว่า เขาตั้งใจทำเพลงด้วยความรัก ความชอบ ตอนทำก็ทำไปสนุก ๆ ส่วนผลตอบรับที่ได้กลับมาคือผลพลอยได้ จนทำให้ได้ไปร่วม Featuring เพลงกับนักร้องชื่อดัง “กวินท์ ดูวาล” หลังจากที่เพลง “แทนบ๋อย” ดังอีกด้วย

จุดเริ่มต้นของคนขายเสียง นักพากย์อาชีพที่สร้างความสุข

           รู้เร็ว เริ่มไว ความฝัน ก็ไปได้ไกล เมื่อเริ่มเดินไวกว่าคนอื่น ตัวเรารู้ตัวว่าชอบงานพากย์เสียง ตั้งแต่ 11 ขวบ จริงจังตั้งแต่อายุ 13-14 เป็นต้นมา จริงจังมาก มันเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้เรามอง เหมือนตอนเด็กเราโหยหาที่จะฟังเสียงภาษาไทยจาก การ์ตูนที่เราดู ต้องมานั่งจ้องอ่านซับไทยอย่างนี้ เราเหนื่อย

           เราแค่อยากดูเพื่อความผ่อนคลาย เราก็เลยโหยหาเสียงภาษาไทย จนเกิดการตั้งคำถาม ว่าแล้วถ้าวันหนึ่งเสียงภาษาไทยของเราถูกโหยหาบ้าง เด็ก ๆ คิดถึงเสียงของเราบ้างมันจะเป็นยังไง ถ้าผู้ชมอยากดูหนังที่เราพากย์มาก มันจะเป็นยังไง เลยรู้ตัวเองว่าเราอยากเป็น นักพากย์

           เมื่อรู้จักตัวเองแล้ว ก็ต้องไม่ลังเลที่จะลงมือทำ กอล์ฟฝึกพากย์เสียงมาตั้งแต่เด็ก และได้ตัดสินใจเลือกเรียนคณะที่ใช่ สาขาที่ชอบ อย่างไม่ลังเล

           ด้วยความที่เป็นคนกล้าแสดงออกตั้งแต่เด็ก เราฝึกพากย์เสียงมาตั้งแต่ ม.1 จนได้เข้าวงการจริง ๆ ก็คือ ม.6 มันก็เป็นโอกาสใหม่ที่เข้ามา ถ้าผลงานตรงนี้ เรานำมาพรีเซนต์ตัวเองเพื่อที่จะได้ทุนการศึกษา มันก็เหมาะ งานพากย์เสียงคืองานที่เราฝึกมาเพื่อสายนี้จริง ๆ

           หลังจากนั้นเราก็พรีเซนต์โครงการ BUCA Talent ด้วยการเอาเสียงหล่อ ๆ ของเรามาพรีเซนต์ความเป็นตัวเองแบบปัง ๆ พอติดปุ๊บ เราก็ตัดคลิปจากที่ลงเพจ มาลงเฟสบุ๊คตัวเอง หลังจากนั้น มีพี่ผู้กำกับเสียงคนหนึ่ง เป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เขาดึงเราไปพากย์ Jurassic World ดึงไปแคสเสียงของฮาน โซโรล จากสตาร์ วอร์ส

           ตามมาด้วย MISSION IMPOSSIBLE และมีหนังของ Paramount เข้ามา และมีโอกาสได้ไปแคสของ Columbia บ้าง หลากหลายมาก โอกาสค่อนข้างมาเร็ว จากตอนนั้น ในวงการพากย์ที่เป็นจุดสตาร์ท มันก็กว้างขึ้นคือทุกอย่างมันเชื่อมโยงทำให้เป็นวันนี้

           เราเชื่อว่าการลงมือทำตามความฝัน แค่กล้า…ก็ชนะใจตัวเองแล้ว ทำตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ โอกาสจะวิ่งเข้ามาหาเองเหมือนกับกอล์ฟ

การเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงกลายเป็นการก้าวเดินต่อ

           อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กอล์ฟเข้าไปอยู่ในวงการนักพากย์เสียงได้ก็คือ การฝึกพากย์เสียงกับรุ่นพี่ เราฝึกกับรุ่นพี่กลุ่มหนึ่ง แล้วรุ่นพี่กลุ่มนั้น ก็เริ่มเข้าไปทำงาน ทีละคนสองคน จนทุกคนตอนนี้ ทำงานไปหมดแล้ว แล้วเราก็ยังเป็นเด็กฝึกพากย์ต่อไปเพราะเราไม่เคยคาดหวังว่า งานจะมาถึงมือเรา แต่เราคิดว่าถ้าเราฝึกไปเรื่อย ๆ สักวันงานจะเข้ามาหาเราเอง

           เราเองยังไม่มั่นใจที่จะเข้าไปทำงานหรือเอาตัวเองไปเสนอตัว แต่ถ้าคนที่เขาทำงานแล้วมั่นใจในตัวเราว่าเราสามารถทำงานนี้ได้ เขาจะดึงเราไปทำเอง จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ออกจากวงการเลย เราทำได้จริง ๆ แล้วทำให้ออกมาดี พอรุ่นพี่เริ่มไปทำงาน เขาเห็น เราก็ฝึก ฝึกจนพี่เขามองว่าเราทำได้แล้วจริง ๆ เขาจึงลองชวนเราไปพากย์ซีรี่ย์ เริ่มต้นด้วยซีรี่ย์เล็ก ๆ ซีรี่ย์อินเดีย ลงช่อง 8 พอเราได้ไปทำปุ๊บ เขาก็ชอบเลย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นที่รู้จักของหลายทีมพากย์ เขาก็ลองดึงเราไปทำจนตอนนี้ก็ค่อนข้างจะมีงานสม่ำเสมอ

เมื่อมีความชอบงานก็ออกมาดี

           การเตรียมความพร้อม ฝึกฝนมาก่อน และเต็มที่กับทุกงานที่ทำ มันสำคัญที่สุด ก่อนจะเริ่มพากย์ซีรี่ย์เกาหลี Doctor Romantic 1 เราต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก โชคดีที่แอพพลิเคชัน Viu เขาลงซับไทยให้ดูก่อน เราไปดูซับไทยก่อนว่าพระเอกเป็นคนยังไง มีปมเรื่องพ่อ อยากจะเป็นหมอที่ดี แต่พระเอกเป็นคนมีอีโก้สูง อยากเป็นหมอที่เก่งไม่ผิดพลาด แต่ก็ต้องยอมรับว่า ความเป็นแพทย์มันต้องมีความเป็นมนุษย์

           เราบอกกับตัวเองว่าต้องทำงานเรื่องนี้ออกมาให้ดีที่สุด เหมือนกับทุกงานที่ผ่านมา เราได้รับงานอะไรมา เราจะไปหาข้อมูลตัวละครมาก่อนว่าเป็นคนยังไง มีประวัติเป็นยังไง ทุ่มเทกับทุกงานที่ได้รับมา

           ไม่ใช่ทุกงานที่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ทุกงานที่ยากเกินกว่าจะพยายาม อีกหนึ่งความพยายามที่สุดคุ้มค่าของกอล์ฟคือการได้พากย์เป็น บาเลสต์ จากไฟนอลแฟนตาซี ภาค 7 ตอนแรกกังวลมาก มีงานไฟนอลแฟนตาซี ภาค 7 รีเมค พากย์เป็น “บาเลสต์” แล้วเรากังวลว่า จะพากย์ได้ไหม เพราะตัวเขาใหญ่มาก ๆ คือรู้แหละว่าเสียงเราใหญ่ แต่จะทำได้ดีขนาดไหน ที่จะพากย์บาเลสต์ได้จริง ๆ เหรอ

           ตัวละครบาเลสต์ หนึ่งเลยเสียงใหญ่ สองโวยวาย สามมีความฮา ต้องขรึม โวยวาย และตลกในเวลาเดียวกัน ก็เลยลองพากย์เสียงตอนแรกไป ลองทำตามความเข้าใจ พอส่งไปให้ทางพี่เขา พี่เขาเอ่ยปากชมว่า พากย์ดี ทั้งที่เราไม่รู้ว่ามันต้องปรับแก้อะไรไหม เราเองก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี จนมาเห็นคอมเม้นแง่บวกเยอะ เราเลยรู้สึกใจฟู สู้อีกสักตั้ง เราเลยตั้งเสียงนี้ว่าเป็นเสียง “บาเลสต์” ที่ดี ก็เลยได้ตัวนี้มา เราค่อนข้างภูมิใจกับบาเลสต์ ไฟนอลแฟนตาซีมาก ๆ

           อีกหนึ่งโอกาสที่ “กอล์ฟ” ประทับใจไม่ลืม คือได้ทำงานมาหลากหลาย แต่มีงานหนึ่งที่ประทับใจที่สุด คือ งานพากย์ Doctor Romantic ภาค 1 เพราะได้พากย์ เป็นพระเอก ชื่อ “คังดงจู” เป็นเรื่องที่ได้ใช้เสียงเป็นธรรมชาติของตัวเองพากย์ ที่ผ่านมา เสียงเราทุ้มใหญ่ เวลาทำงานเป็นทีม เรามักจะได้ไปพากย์เป็นคุณพ่อ คุณปู่มากกว่า พอได้เป็นพระเอกปุ๊บ เราดีใจนะ ท้าทายตัวเองว่า เราก็ทำได้  ไม่เหนื่อยด้วย สนุกด้วย การพากย์ซีรี่ย์สนุกมาก ปกติซีรี่ย์เกาหลี จะอยู่ที่ประมาณ 16 ตอน 12 ตอน แต่เรื่องนี้ 20 ตอน

พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง

           สิ่งหนึ่งที่นักพากย์ควรมีคือทักษะการอ่าน สำหรับผมทักษะการอ่านแย่มาก เป็นคนอ่านหนังสือไม่แตก จนต้องมาฝึกนั่งอ่านหนังสือใหม่ อีกอย่างคือ น้ำเสียง พรสวรรค์ อาจจะเกิดมามีน้ำเสียงดี แต่บางคนไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลย แต่อาศัยพรแสวงเอา อย่างเช่นรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาฝึกมาพอ ๆ กับผม แต่เขาเป็นคนอ่านคล่อง แล้วเขาค่อนข้างจะจับซาวด์ได้ตรง จังหวะการพูดในชีวิตปกติ แต่เขาเข้าคาแรคเตอร์ปุ๊บ เขาเท่มาก เขาเท่มากจริง ๆ เข้าถึงอารมณ์ได้ดีมากจริง ๆ

           คำคน คือ อาวุธที่น่ากลัวที่สุด ทำงานด้านนี้ก็ไม่พ้นเจอเรื่องนี้อยู่แล้ว ถึงแม้กอล์ฟจะแคร์คำคน แต่ก็พร้อมเข้าใจในความชอบที่แตกต่าง

           เราเป็นคนแคร์คำคนนะ แคร์มาก เป็นคนอ่อนไหวง่าย เวลาเราทำหนัง เวลาเราพากย์ภาษาไทย เราจะกลัวคอมเมนท์มาก ๆ เคยเจอคอมเมนท์ด้านลบเรื่องเสียงพากย์ ก็พยายามมองจุดที่มันเป็นปัญหา แต่ส่วนใหญ่ปัญหามันไม่ได้เกิดจากตัวเราทำงานไม่ดี มันเกิดจากรสนิยมมากกว่าที่เขาไม่ชอบ มันไม่ผิดด้วย รสนิยมมันไม่ผิด เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกชอบแบบไหน ซึ่งผมก็เลยกลัว กลัวคอมเมนท์ที่ไม่ดี แล้วก็กลัวตัวเองจะไปพูดไม่ดี แค่นั้นแหละ แต่จริง ๆ เราแค่ยอมรับว่าเขาไม่ชอบดีกว่า

รอยยิ้ม…ผลตอบรับที่คุ้มค่า

           ความสุขในเส้นทางนี้ที่กอล์ฟเลือกคืออะไร เขาบอกว่าทุกอย่างที่ได้ทำ คือ ความสุขทั้งนั้น โดยเฉพาะการได้ลงมือทำ แล้วผลตอบรับที่ได้กลับมาคือ รอยยิ้มของทุกคน

           เราเป็นคนชอบความบันเทิง ชอบสร้างรอยยิ้ม เวลาที่เห็นคนที่ยิ้มออกมาจากความรู้สึกเขาเอง ไม่ใช่แค่เขาต้องยิ้มให้เราเพียงเพราะว่าเขาอยากยิ้มให้ แต่เขาเห็นผลงานเราแล้วเขามีความสุข ถ้าเขายิ้มให้เราเพราะผลงานเราจริง ๆ มันสร้างความสุขให้เรามาก ๆ อะไรแบบนี้คือสิ่งที่อยากทำไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม

           เราเคยมานั่งดูรีแอ็คคนที่มาเขาฟังเพลงเรา ตอนปล่อยมาช่วงแรก แล้วนั่งยิ้มตาม ดูแล้วแบบมัน Made my day ให้ใครสักคน เรารู้สึกดีใจมากเหมือนกัน

           การสนทนากับนักพากย์รุ่นใหม่ไฟแรงที่รักในอาชีพของตัวเองเช่นนี้ บอกตามตรงว่า you made my day ให้เราเช่นกัน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กอลฟ์-ธนกฤต​ เอ็นดู​รัศมี นักศึกษาสาขาวิชาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และยูทูปแชแนลช่อง SMAX PARTY

Writer

สาวแดนใต้ ตาคม ผมยาว เด็กนิเทศศาสตร์ผู้แบกความฝันของตัวเองและครอบครัว มีชีวิตอยู่เพื่อการเขียนและการพูด ความสุขของเธอคือการได้เรียงร้อยถ้อยคำผ่านตัวอักษรและถ่ายทอดผ่านน้ำเสียง หลงใหลในชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอิสระ ชอบเสน่ห์แห่งรอยยิ้มที่ได้เห็นทุกคนอ่านเรื่องราวผ่านปลายปากกาที่เธอเขียน

Writer

ความพยายามจะทำให้คุณทำมันได้ คุณจะเสียใจถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเลย

Writer

คติประจำใจ “ไม่ใช่ความสามารถหรอกที่บอกว่าเราเป็นใคร แต่มันอยู่ที่เราเลือกต่างหาก” จาก Harry Potter and the Chamber of Secrets

Photographer

เรามีคนเดียวในโลก เป็นตัวเอง และภูมิใจกับมัน

Photographer

“Do what you like and Love what you do.” ใช้ชีวิตให้นอกกรอบ แต่ไม่ต้องเหนือทุกกฎเกณฑ์