ไม่รอที่จะคว้าโอกาส แต่สร้างโอกาสด้วยตัวของเราเอง กับพี่นาย 9AR ผู้กำกับ MV 10 ล้านวิว พี่นาย–ณัฐกานต์ พวงเรืองศรี รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ชีวิตวัยเด็กของทุกคนล้วนมีความฝันเป็นแสนเป็นล้านความฝันมากมาย หลายคนทำความฝันได้สำเร็จ และก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถทำตามความฝันได้สำเร็จเช่นกัน แต่กับพี่นาย ผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรงที่ไม่รอจะให้โอกาสเดินมาหา ทว่าสร้างโอกาสด้วยตัวของพี่นายเอง อย่างการเป็นผู้กำกับ MV ต่อสู้ จนสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เราคว้าตัวมานั่งพูดคุยบอกเล่าจุดเริ่มต้นของการค้นพบตัวตน ทัศนคติ แนวคิด และการทำงานในชีวิตจริง ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
หลงใหล ใจรัก อยากผลิตสื่อ
เกิดจากที่ในวัยเด็กที่ผมเป็นคนที่ชอบดูหนัง วนซ้ำหลายรอบ โดยเฉพาะหนังที่ชื่นชอบหรือที่สนใจจริง ๆ ดูวนไปเรื่อย จนเกิดเป็นไอเดียที่อยากจะทำหนังเป็นของตนเองบ้าง ก็เลยเริ่มจับกล้องที่มีอยู่มาถ่ายคลิปวิดีโอเล่นกับเพื่อน ๆ แบบงู ๆ ปลา ๆ ตามประสาเด็ก
จินตนาการในตอนเลยก็คือเราเป็นผู้กำกับและกำลังกำกับหนังเรื่องนั้นอยู่ เลยทำให้รู้ตัวเองว่า สนุก จนเริ่มแน่ใจว่าตัวเองอยากจะเป็นผู้กำกับหนังจริง ๆ ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัย จึงเลือกศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์
การเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ยังได้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการทุน BUCA Talent คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดโอกาสให้คนที่มีใจรักงานด้านนิเทศศาสตร์ ฝึกฝน เรียนรู้ พัฒนาตนเองจากการทำงานจริง และได้มีโอกาสทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในสายงาน Production
พอได้ทำงานมาเรื่อย ก็ได้ถูกชักชวนจากรุ่นพี่ไปทำกองถ่าย บริษัท SMAX Harmony ซึ่งเป็นของรุ่นพี่ของเรารวมตัวการสร้างบริษัท Production House จากนั้นผมก็ได้ลองทำงานทั้งเป็นผู้ช่วยกำกับ ทำงานกองถ่าย จนนำไปสู่การเป็นผู้กำกับเอง
เสน่ห์และความหลงใหลในงานสาย Production
ผมมองว่าเสน่ห์ของงานสายนี้คือ “ศิลปะ” ไม่ว่าจะเป็นการทำหนัง การทำ MV ละคร ซีรีส์ ทั้งหมดนี้คือ ศิลปะของการสื่อสาร คือการบอกเล่าเรื่องราวด้วยศิลปะที่สร้างความรู้สึกและสามารถสื่อถึงคนดูได้ ถ้าเราสามารถสื่อสารได้อย่างดีพอ ทำให้คนรับรู้ได้ สิ่งนี้ที่ผมมองว่าอิสระและเสน่ห์ของงานสายนี้ และนำไปสู่การผลิตผลงานได้อย่างดีเยี่ยมเลย
ผู้กำกับแต่ละคนจะมีลักษณะเฉพาะตัว มีความคิดและไอเดียเป็นของตนเอง และเอกลักษณ์ของงานจะไม่มีทางซ้ำกันได้อย่างแน่นอน หรือที่เขาเรียกกันว่า Character ของตัวบุคคล ซึ่งผมก็มีนิสัยที่อาจจะมีในผู้กำกับหลายคนก็คือความเอาแต่ใจ แต่เอาแต่ใจในที่นี่หมายถึงอยากให้สิ่งที่เราคิดหรือวาดภาพไว้ออกมาโดยความคิดของเรา
ผมมองว่าคนที่จะสามารถเป็นผู้กำกับได้ต้องมีความแน่วแน่ มั่นคง มีความเป็นผู้นำ สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีในการทำงาน ซึ่งผมมองว่าถ้าขาดสิ่งเหล่านี้ไป อาจจะทำให้ขาดความเชื่อมั่นจากทีมงานได้
ผันตัวสู่ผู้กำกับ MV 10 ล้านวิว
การเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อย ๆ และมีรุ่นพี่ชวนไปทำงาน แต่ต้องบอกก่อนว่าความตั้งใจจริงก็คือผมอยากเป็นผู้กำกับหนัง แต่งานส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะเป็นงานเกี่ยวกับ Music Video
เริ่มแรกที่เข้าไปก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับก่อน เพลงที่ทุกคนก็น่าจะรู้จักดีเลยก็คือเพลง ลืมแทบไม่ไหว SARAN x Maimhon จนรุ่นพี่มองเห็นความตั้งใจและเชื่อมั่นในความสามารถของเรา รุ่นพี่ก็ได้ส่งต่องานมาให้เราลองเป็นผู้กำกับเอง เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานเป็นผู้กำกับ MV ของผม จนตอนนี้ก็สามารถจับทาง เก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ค่อนข้างมากแล้วก็รู้สึกชอบและติดใจในการกำกับ MV มากขึ้น
โอกาสคือสมบัติล้ำค่า อยากได้ต้องไปคว้ามันเอง
ช่วงเวลาหนึ่งผมได้ซื้อกล้องมา 1 ตัว เพื่อจะเอามาถ่ายหนัง แต่ไม่ได้จับกล้องเลยสักครั้ง ตอนแรกที่ซื้อมา แล้วผมก็มานั่งคิดกับตัวเองว่านี่ผมซื้อมา แต่ทำไมผมไม่มีโอกาสได้จับมันเลย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้มันจะสูญเปล่า
จึงเกิดเป็นไอเดียและการ Challenge ตัวเองขึ้นว่าผมต้องลองทำอะไรสักอย่างเพื่อให้คนอื่นมองเห็นความสามารถของผม ผมจึงไปหาเพลงสักหนึ่งเพลง เพื่อจะนำมาทำ MV จากนั้นเลยเลือกเป็นเพลง แค่หนึ่งคำ SOSUSSOSAY ซึ่งเพลงนี้ไม่มีการกำกับ MV มาก่อนผมจึงไปขอกับทางเจ้าของเพลง ซึ่งผลลัพธ์ออกมาดีมากผมได้ยอดวิวประมาณ 100,000 กว่า ตอนนั้นดีใจมาก
ผมก็ทำเรื่อยมาเพื่อสร้างผลงานให้กับตัวเอง ซึ่งมันดีนะ เหมือนได้ช่วยคนอื่นโปรโมทเพลงไปในตัวด้วย แถมเราได้ผลงานมาการันตีความสามารถของเราเพิ่มมากขึ้น
ประสบการณ์การทำงานจริง ไปไกลถึงญี่ปุ่น
งานที่แจ้งเกิดคืองานเพลง XOXO-Repezen Foxx feat.SPRITE 10 ล้านวิว ได้ลูกค้าคนนี้มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งศิลปินคนนี้ได้ feat.กับศิลปินไทยหลายคน ซึ่งเขาเป็นคนดังมากในประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้วงการเพลง Rap
ในประเทศญี่ปุ่นจะมีแพลตฟอร์มของเขาเองที่ค่อนข้างฮิต ในไทยยังไม่มีคนค่อยจะรู้จัก ตัวผมเองก็ยังไม่รู้จักเขา จนเขาติดต่อมา ตอนแรกเคยทำเพลงให้เขามาประมาณสองเพลง เป็น MV Party สนุก ๆ ซึ่งเขาก็ชื่นชอบในไอเดียของเรา การ Create MV ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจจ้างเราต่อในเพลงที่ 3
MV ที่ 3 มีขอบเขตมากขึ้น ซึ่งเป็น MV แนวชูโรงอัลบั้มเพลงของเขา ทางเจ้าของเพลงทำเพลงมาเพื่อตั้งใจให้แมส (เป็นที่รู้จัก) ความกดดันก็เลยมาถึงตัว MV ที่ 3 จะต่างออกไปมาก จะทำออกแนวมาเฟีย แต่ก็ต้องทำให้ดูเหมาะสมกับน้องสไปรท์ที่มา feat.ด้วย ก็ปรับแก้กันเรื่อย กว่าจะออกมาเป็นหนึ่ง MV เคาะประมาณ 10 กว่ารอบได้เลยถึงจะเริ่มการถ่ายทำ แต่ความประทับใจของผมเลยก็คือทุกอย่างดูพร้อมไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน ข้าวกอง งบประมาณ ทำให้เราจัดสรรทุกอย่างออกมาได้ดีมาก
เข้าใกล้ความฝันมากขึ้น
จากการทำงานสิ่งที่ได้เลยก็คือ เราได้ความฝัน คือการที่ผมได้เข้าใกล้ความฝันมากขึ้นแล้ว ทุกงานที่ผมเจอที่ผมทำเหมือน 1% ของความฝันของผม 100 งานก็คือ 100% แต่ขอบเขตมันก็ยิ่งไกลขึ้น ไม่ใช่ว่าจะเต็ม 100% เพราะว่าเราก็ยังไม่ได้พอใจกับของตัวเองมากขนาดนั้น ถึงบางงานมันจะดีที่สุด ณ ตอนนั้นแล้ว แต่พอกลับมาคิดอีก ก็จะคิดว่ามันดีได้อีก ซึ่งมันก็ยิ่งไกลไปอีก แต่สำหรับผมผมว่าเป็นข้อดีนะ ทำให้เราเป็นคนที่ไม่หยุดที่จะพยายาม
อีกหนึ่งเรื่องที่ได้มาก็คือ เราได้ยินดีชีวิตของผู้คนมากขึ้น การไปออกกองทำให้เราได้เจอ ได้เห็น ได้พบชีวิตกับคนอีกมากมาย ได้พบผู้คนที่จิตใจดีแบบไม่หวังผลตอบแทน
เป้าหมายสูงสุดกับงานที่รัก
เป้าหมายสูงสุดก็คือ อยากเป็นผู้กำกับหนัง ไม่ต้องผู้กำกับหนัง Hollywood อะไรหรอก แค่ผู้กำกับหนังไทยก็พอแล้ว หนังไทยที่ดี หนังไทยที่มีคุณภาพ แค่อยากทำหนังที่คนดูดูไปแล้ว ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในแง่ของความคิดของเขา ให้เขาไปดูแล้วมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องอินเตอร์มาก เราว่าสำหรับเรา Made in Thailand สำหรับเราถ้าคนดูวนหนังเราสัก 3-4 รอบ เราถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว
โอกาสที่ดีคือโอกาสที่สร้างด้วยตัวเราเอง
คำว่าโอกาสสำหรับบางคน ผมคิดว่าคือสิ่งที่วิ่งมาหาเราเอง เช่นนางฟ้าแม่ทูลหัว มันก็คงจะโผล่มาตอนที่เราเศร้า หรือตอนที่เราต้องการความช่วยเหลือแต่อันที่จริงผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ผมคิดว่าโอกาสมันอยู่รอบตัวเรา
สำหรับผมไม่มีคำว่าปล่อยโอกาสให้หลุดมือ มันมีแต่คำว่าเมื่อไหร่จะเดินไปหาโอกาสมากกว่า เมื่อไหร่จะไปสร้างมัน ไปหามัน โอกาสมันเหมือนของล้ำค่า มันเหมือนสมบัติ เราต้องไปตามหามัน ไม่ใช่รอให้มันมาหาเรา เพราะเรากล้าที่จะเดินไปหามัน
สิ่งสำคัญที่ผมค้นพบก็คือ ไม่ใช่ปลายทางที่เราเดินไปจนสุด แต่มันคือระหว่างทางที่เราเจอมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น คน ระบบการทำงาน เจอปัญหามากมาย แต่ถ้าเราผ่านมันมาได้มันยิ่งกว่าการเดินทางอีก หรือเรียกว่าการเดินทางที่แสนพิเศษ
ส่งต่อแรงบันดาลสู่คนที่มีใจรักในด้านนิเทศศาสตร์
คนที่มีความสนใจงานด้านสื่อ อยากให้ถามตัวเองก่อนให้แน่วแน่เลยว่า เรามั่นใจจริง ๆ ใช่ไหม ว่านี่คือสิ่งที่เราอยากจะทำมันจริง ๆ เพราะเราเองก่อนจะมาทำตรงนี้ก็เขวไปหลายทางเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสมาเป็นผู้กำกับ เพราะพอถึงจุดหนึ่งเราก็ตอบตัวเองได้นี่คือทางที่เราต้องการจริง ๆ ใครที่มั่นใจก็ลุยเลย “อย่ารอที่จะคว้าโอกาส แต่ไปสร้างโอกาสด้วยกัน ”
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ พี่นาย-ณัฐกานต์ พวงเรืองศรี รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ