ลองทำ เรียนรู้ ฝึกฝน กับคนทำสื่อรุ่นใหม่ พี่ทีโน่-กฤษฏิ์ นิเทศ ม.กรุงเทพ

บอกเล่าประสบการณ์ที่ท้าทายจากโครงการ CH3 Young Journalist Program เรียนรู้จากมืออาชีพ

         หลายคนอาจจะกลัวและไม่กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ เพียงเพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจ กลัวจะทำผิดพลาด แต่ในทางกลับกัน หากเรากล้าเสี่ยงที่จะลงมือทำ เอาตัวเองเข้าไปเรียนรู้และพัฒนาตัวเองกับสิ่งนั้น ไม่ช้าก็เร็วเราก็จะทำสิ่งนั้นได้ในสักวัน

         เราจะพาไปทำความรู้จักกับ พี่ทีโน่-กฤษฏิ์ วงศ์วังไพศาล รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เราได้จับเข่าคุยกันเล่าประสบการณ์กับความกล้าที่จะท้าทายตัวเอง ด้วยการเข้าร่วมโครงการ CH3 Young Journalist Program ตลอด 2 เดือน ที่นี่ที่แรก แบบหมดเปลือกไม่มีกั๊ก

ทำความรู้จักกับโครงการ CH3 Young Journalist Program

         ก่อนที่จะไปรับรู้เรื่องเล่าสนุก ๆ ที่พี่ทีโน่จะมาเล่าให้ฟังนั้น เราขอแนะนำโครงการ CH3 Young Journalist Program โครงการนี้จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจด้านการผลิตข่าว ได้เรียนรู้กับมืออาชีตตัวจริงด้านข่าวกับ ช่อง 3 ตลอดระยะเวลา 2 เดือน กับการเรียนรู้ใน 4 โต๊ะข่าว ได้แก่ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และอาชญากรรม ถึงแม้จะมีผู้สนใจและสมัครเป็นจำนวนมาก ทว่าพี่ทีโน่ก็สามารถผ่านด่านการคัดเลือกเข้ารอบ 15 คนสุดท้ายด้วยความสามารถที่พัฒนา สะสมมาโดยตลอด จากประสบการณ์ และการเรียนรู้ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

โอกาสคือสิ่งที่ต้องสร้างด้วยตัวเอง

         พี่ทีโน่มีพื้นฐานเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ในสิ่งใหม่อยู่เสมอ เชื่อเสมอสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ไปเจอกับคนเก่ง โดยยังมีดีกรีเป็นเด็กทุนเพชรในชัยพฤกษ์ ซึ่งเป็นทุนที่ทางโรงเรียนจะส่งตัวแทนหนึ่งคนเข้ามาคัดเลือก และด้วยผลงานที่โดดเด่นเข้าตากรรมการจึงทำให้พี่ทีโน่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพในฐานะเด็กทุน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางเท่านั้น

         เส้นทางอันสวยงามที่คนภายนอกมองเห็น ถ้าได้ลองสัมผัสด้วยตนเองไม่ใช่เส้นทางที่เราได้ทุกอย่างมาง่ายดาย ทว่าเป็นเส้นทางที่เรามีความสุขและสนุกไปตลอดการเดินทาง เพราะทุกวินาทีที่พี่ทีโน่ได้เข้ามาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ก็ได้มีความสุขและสนุกกับการได้ทดลองทำทุกอย่างที่สนใจ

         ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโครงการของมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มทักษะทั้ง Soft Skill และ Hard Skill เช่น การทำงานกิจกรรมเปิดบ้าน (Open House) ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ การเล่นกีฬา และอีกหลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นคนที่ครบเครื่องเรื่องวิชาการและกีฬาจริง ๆ แต่พี่ทีโน่ก็ทิ้งท้ายไว้ว่า “ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ อย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการนอนนั่นเอง” เราก็เห็นด้วยเลย เพราะการพักผ่อนคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีพลังทำสิ่งที่ชอบได้อีกมากมาย

จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่กับสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

         การเดินทางครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้น เมื่อพี่ทีโน่ได้เห็นการประกาศรับสมัครของโครงการ CH3 Young Journalist Program ซึ่งพี่ทีโน่ได้เล่ากับเราว่าปกติเป็นไม่ไม่ชอบงานสายข่าวเลย ไม่ค่อยได้ดูข่าวหรือตามข่าวด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อยากรู้ว่าการทำงานด้านข่าวนี้มันจะยากมากแค่ไหน ได้เข้าไปอ่านรายละเอียด จึงสนใจที่จะให้โอกาสตัวเองได้ลองสมัครดู

         พอได้ตัดสินใจที่จะลงสมัครแล้วก็ต้องลงมือทำให้เต็มที่ ซึ่งการคัดเลือกแบ่งเป็นทั้งหมด 2 รอบ คือรอบแรกจะคัดเลือกจากเรซูเม่ หากโปรไฟล์เรามีความน่าสนใจก็จะได้ผ่านเข้ามาในรอบสัมภาษณ์ รอบสัมภาษณ์ต้องเตรียมตัวที่ดี ทำการบ้านเรื่องข่าวสารบ้านเมืองในช่วงนั้น เพราะสำคัญมากหากเราอยากทำงานสายข่าว เราต้องรู้เท่าทันเหตุการณ์อยู่เสมอ และต้องมีทักษะสรุปประเด็นข่าวที่ดีด้วย

         เรายังต้องเป็นที่จดจำ ต้องโดดเด่นมากพอที่จะสามารถเข้าตากรรมการ โดยพี่ทีโน่ได้ให้เทคนิคการสัมภาษณ์มาด้วย ก็คือการที่แสดงความตั้งใจให้คณะกรรมการเห็นถึง Passion ที่เราอยากเข้าร่วมโครงการนี้จริง ๆ และพรีเซ็นต์ว่าเรามีทักษะอะไรที่นำมาประยุกต์กับการทำงานครั้งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเป็นตัวเอง

เมื่อคว้าโอกาสได้แล้ว ก็ทำให้เต็มที่กับเส้นทางที่เลือก

         ผลของความตั้งใจในครั้งนี้ทำให้พี่ทีโน่สามาารถผ่านเข้ารอบ 15 คนสุดท้ายที่ได้เข้าไปฝึกงาน และร่วมกับทำงานจริงกับทางช่อง 3 พี่ทีโน่ได้เล่าว่าวินาทีที่ประกาศผล และรู้ว่าติดแล้วนั้น มันทั้งดีใจและงง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะติด อีกทั้งรู้สึกว่าต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเข้าไปฝึกและลงมือทำงานตลอดระยะเวลาสองเดือน

ประสบการณ์สองเดือนที่ล้ำค่ากับการได้ลงมือทำงานจริงกับมืออาชีพตัวจริง

         ตลอดระยะเวลาสองเดือน ช่วงเดือนมิถุนายน ถึงกรกฎาคม 2565 ที่ได้เข้าร่วมโครงการก็จะได้เรียนรู้ภาคทฤษฎีของการทำข่าว (อ่าน-ถาม-ฟัง-สรุป-พูด-เขียน) และขั้นตอนกระบวนการทำข่าวตั้งแต่เริ่มหาข่าว จนสิ้นสุดการออกอากาศ

         หลังจากการปูพื้นฐานแล้วก็จะมีการให้ลงภาคปฏิบัติด้วยการไปฝึกตามโต๊ะข่าวทั้งหมด 4 โต๊ะ ได้แก่ โต๊ะสังคม จะทำข่าวเกี่ยวกับเกี่ยวการร้องเรียนของชาวบ้าน ได้มีการลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อน

         โต๊ะต่อมาก็จะเป็นโต๊ะการเมือง ได้เข้ารัฐสภาไม่ก็ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าไปฟังคำแถลงของรัฐบาล ซึ่งเป็นโต๊ะที่พี่ทีโน่ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ แต่ถึงอยากนั้นก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่อยู่เสมอ และเขายังได้บอกว่า “ต้องกลับมาทำการบ้านเรื่องคำศัพท์ต่าง ๆ เยอะขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาให้เราเรียนรู้มากยิ่งขึ้น” ทุกบททดสอบเป็นการพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น

         ต่อมาก็จะเป็นโต๊ะอาชญากรรม จะเน้นเรื่องอุบัติเหตุ ฆาตกรรม ยาเสพติด ซึ่งการทำงานก็ได้มีการสืบสวนสอบสวนอยู่บ้าง โต๊ะนี้ก็จะได้เรียนรู้ข้อกฎหมายเพิ่มขึ้นอีกด้วย และสิ่งสำคัญในการทำงานโต๊ะนี้คือต้องรอบคอบ ข้อมูลต้องระเอียดและครบ เพื่อที่จะสามารถนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง

         โต๊ะสุดท้ายตามหลักสูตรก็คือโต๊ะเศรษฐกิจ สิ่งที่ชอบก็คือได้ศึกษาข้อมูลเหล่านี้เพราะข้อมูลพื้นฐานแต่ก็สำคัญมากเหมือนกัน เช่น ราคาน้ำมัน ทอง สินค้า หุ้น และรวมถึงคริปโต ซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด

         ด้วยความที่พี่ทีโน่มีความชื่นชอบด้านกีฬา เล่นกีฬาอยู่แล้ว ก็เลยไปขอบรรณาธิการไปอยู่โต๊ะกีฬาด้วย ซึ่งด้วยเขามีความสนใจและอยากที่จะเรียนรู้จริง ทางพี่บรรณาธิการก็เลยอนุญาตให้ไปบ้างตามโอกาสสมควร เช่น ศึกแดงเดือด คือการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมลิเวอร์พูลและทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็ถือได้ว่าเป็นรางวัลของความตั้งใจของพี่ทีโน่เอง

         ถ้าถามถึงความท้าทายของโครงการนี้ คือการที่ทุกอย่างต้องทำภายใต้ในเวลาที่จำกัด บางครั้งพี่ทีโน่ต้องสรุปข่าว รวมเขียนข่าวภายใน 10 นาที ซึ่งตอนแรกก็อาจไม่ทันบ้าง แต่ด้วยความพยายามและฝึกฝนก็ทำให้สามารถทำได้ทันในที่สุด

         พี่ทีโน่ได้เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อโครงการนี้ก็คือ “ได้เปิดโลกของการทำข่าว ผมไม่เคยทำข่าวมากก่อน แต่ก็ได้พัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้นอีกด้าน อีกทั้งยังรู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ ในแวดวงการทำงานด้วย และชอบที่ได้ทำข่าวที่ช่วยเหลือผู้คนในสังคมที่กำลังเดือดร้อนอยู่” นอกจากการฝึกที่เข้มข้นแล้วนั้นยังได้มีโอกาสได้คนข่าวมืออาชีพของช่อง 3 อีกด้วย เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก

อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง ให้เก่งขึ้น

         ถึงแม้จุดเริ่มต้นของพี่ทีโน่จะไม่สนใจด้านการผลิตข่าว ไม่เคยคิดที่จะมาทำงานด้านนี้เลย แต่เพราะการที่พี่โน่เลือกที่จะให้โอกาสตัวเอง พัฒนาและเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ ส่งผลให้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ ทำให้ได้เพิ่มทักษะให้ตัวเอง แถมได้รู้จักกับรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการและยังได้ประสบการณ์สองเดือนที่แสนจะคุ้มค่ากลับมาอีกด้วย

         ปัจจุบันพี่ทีโน่ก็ได้ผ่านหลักสูตรการเรียนรู้จากโครงการ CH3 Young Journalist Program เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ยังไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในทักษะใหม่ ด้วยการเข้าโครงการ REDDOT ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ของ สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่สำคัญเขาได้ฝากมาบอกเพื่อนทุกคนด้วยว่า “ฝากติดตามข่าวสารกับ Subscribe ช่อง REDDOT BU ด้วยนะครับ”

         สิ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือคำคมจากพี่ทีโน่ ที่นำมาฝากทุกคนด้วยคือ “อยากรู้ก็ต้องลอง ไม่ใช่มองเเล้วนินทา” หากใครสนใจที่อยากจะทำอะไรสักอย่างแล้ว ให้เริ่มลงมือทำเลย เพราะคนที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเราเองได้นั้น ก็มีเพียงแค่ตัวเราเอง และอย่าหยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ พี่ทีโน่-กฤษฏิ์ วงศ์วังไพศาล รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Writer

มนุษย์เป็ด ที่ชอบกินบุพเฟ่ต์

Writer

Believe in what you prayed for

Writer

คว้าทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต