เรียนรู้ พัฒนาตนเอง และเติบโต คงเป็นสามคำที่เราอยากเล่าถึง กิ๊ฟ–เนรันตร์ชลา สุขะพละ รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ย้อนกลับไปประมาณสองปีก่อน เรารู้จักกับกิ๊ฟ สาวน้อยที่มีพลังงานบวก สดใส และมีทักษะการพูดที่น่าสนใจ จาก โครงการ BUCA Talent คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เฟ้นหาเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีใจรักงานด้านนิเทศศาสตร์ทั่วประเทศ
ด้วยความตั้งใจ กิ๊ฟเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ BUCA Talent และสามารถสานฝันตัวเองได้ในหลายเรื่อง เราจึงอยากชวนทุกคนมาพูดคุยกับเธอถึงพลังความมุ่งมั่น การเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง และการเติบโตในหน้าที่การงาน ที่สามารถทำได้ตั้งแต่ยังเรียน
เล่าชีวิตตั้งแต่มัธยม จนเข้าสู่ช่วง มหาวิทยาลัยและได้รับทุนโครงการ BUCA Talent
เราเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมมาก ทำตั้งแต่มัธยมต้น จนถึงมัธยมปลาย ทำให้รู้สึกว่าเราชอบการเป็นพิธีกร หรือ Master of Ceremony (MC) ทำให้มีโอกาสที่จะได้ฝึกฝนในด้านนี้เยอะมาก เป็นเส้นทางที่ทำให้รู้จักกับโครงการ BUCA Talent จึงได้นำทักษะการพูดเข้ามาร่วมชิงทุน ใช้การเล่าเรื่อง (Storytelling) ผสมผสานกับความเป็นไทยที่ถนัดอยู่แล้ว ก็คือการแหล่ การฉ่อย จึงได้รับทุนการศึกษา
ประสบการณ์ที่ผ่านมาจะเด่นไปที่เป็นการเป็นพิธีกร ทั้งงานในมหาวิทยาลัยและงานข้างนอก และก็มีอีกงาน คือการจัดการอีเว้นท์ ที่ได้รับมอบหมายเป็น CO-Project Manager ในงานประกวดนางงาม จากโปรเจคของทางรุ่นพี่ BUCA Talent และได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทางช่อง 3 ด้วย
รวมถึงเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ไทย ครั้งที่ 17 คว้ารางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยม จากผลงาน “ผู้ป่วยซึมเศร้าจะมาเล่าให้ฟัง-ที่ว่าซึมเศร้า เพราะอะไรเล่า ถึงเศร้ากันนะ” และได้รับรางวัล นักศึกษาดีเด่น สาขาสังคมศาสตร์ จากสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2565
ปัจจุบันได้ทำงานร่วมกับช่อง Youtube Ceemeagain เจ้าหญิงวงการไอที อย่าง พี่ซี–ฉัตรปวีณ์ บริษัท Social Lab
นอกจากนี้ก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในชมรมโต้วาที ทำกิจกรรม ช่วยส่งเสริมชมรม จากรุ่นสู่รุ่น ให้มีคนรุ่นต่อไปเข้ามาสมัคร ชมรมนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น MC of BU ของเราเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นชมรมที่จัดการประกวด ช่วงแรกเราได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธาน แต่ด้วยภาระหน้าการฝึกงาน ก็ได้ลดตำแหน่งมาเป็นสมาชิกของชมรมเท่านั้น
การทำงานทำให้เราเปิดโลก ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นและก็มี Community ด้านการเป็น MC ด้านการพูด ทำให้เรามีโอกาสร่วมกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพหลากหลาย
แบ่งปันประสบการณ์กับงาน MC of BU พิธีกรแห่งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ขอเลือกหนึ่งงานที่ประทับใจก็คือ งานที่ได้เป็น MC ของ BUCA Talent เพราะเป็นงานแรกที่ได้ทำและได้รับโอกาส และประทับใจอาจารย์มาก ๆ ที่ให้โอกาสได้มาทำหน้าที่ MC ในโครงการในการประกวด และอีกอย่างก็เป็นความท้าทายในช่วงโควิดด้วย คือการเป็น MC แบบออนไลน์ ท้าทายเพราะต้องทำให้คนสนใจ สนุกสนาน เฮฮาเหมือนตอนที่จัดงาน Onsite พอจบงานก็ได้รับโอกาสในหลายงานตามมา เพราะมีคนเชื่อมั่นในศักยภาพของเรา
ภูมิใจที่มีคนพูดถึง MC of BU เพราะแสดงให้เห็นว่าเวที MC of BU มีคนยอมรับมากขึ้น เป็นเวทีที่คนให้ความสนใจ เป็นเวทีอันทรงคุณค่า ได้เป็นรุ่นที่ 1 รู้สึกดีใจที่มีคนพูดแบบนี้กับเรา แต่ในอีกมุมหนึ่งก็แอบกดดัน เหมือนเราแบกตำแหน่งของเราไปด้วยในทุกที่ แต่เราชอบการเป็น MC of BU เหมือนเราจะได้ทำมาตราฐานของเราออกมาให้ดีขึ้นกว่าเดิม
พรสวรรค์หรือพรแสวง
เรามองตัวเองว่า เราอาจจะไม่ใช่คนเก่ง แต่คิดว่าเป็นคนที่มีพรแสวง มากกว่าพรสวรรค์แน่นอน เพราะคิดว่าตัวเองธรรมดามาก เป็นมนุษย์เป็ดเลยก็ว่าได้ คิดว่าอยากจะเก่งสักทาง เริ่มจากการที่อยากเป็นคนที่พูดเก่ง พูดแล้วคนหยุดฟัง และฝึกฝนทำทุกวิธีที่เขาบอกว่าพูดแบบนี้น่าฟังขึ้น ดีขึ้น พยายามทำบ่อย ๆ
เรายังได้เรียนรู้การผิดหวัง สามารถสร้างประสบการณ์ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง นี่คือพรแสวงที่สร้างขึ้นมา แล้วพรสวรรค์ก็จะตามเรามาเอง มันอาจจะแปลกและไม่เหมือนใคร แต่เราว่านี่แหละคือทางของเรา
เรารู้ว่าตัวเองเป็นคนชอบพูด เป็นคนอารมณ์ดี ได้มีโอกาสไปประกวด ก็เลยรู้สึกว่าใช่ทาง และที่ได้รู้ตัวเองจริง ๆ คือตอน ป.4 ที่ต้องไปประกวดโครงงานต้องอ่านสคริปต์ ต้องจำ เพื่อไปพรีเซ็นต์ออกมาทำให้รู้สึกว่า โอ้วฉันเริ่ดมาก ฉันพูดด้วยความมั่นใจ เลยรู้สึกว่านี่แหละตัวตนของกิ๊ฟ
ต่อยอดจากงานพิธีกร อยากทำงานอะไรอีกบ้าง
อยากอยู่เบื้องหลังทำให้คนประสบความสำเร็จ คิดอยากเป็นโค้ชด้านการทำคอนเทนต์ เพราะตอนนี้ก็เป็น Content Creator เราอยากผลิตคอนเทนต์ เพราะเรารู้สึกว่าการเป็นเบื้องหลัง เป็นจุดสำคัญในชีวิตเหมือนกัน ที่เรารู้สึกว่าเราได้เห็นคนประสบความสำเร็จ เห็นบริษัทประสบความสำเร็จ เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งที่ได้นำเสนอเรื่องราวนั้น ซึ่งเราก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จไปด้วยเหมือนกัน อยากเป็นคนสร้างคอนเทนต์ที่ดี
ก้าวเข้าสู่วงการสื่อ กับ Social Lab ความสามารถรอบด้าน
จุดเริ่มต้นคือ เราได้รับรางวัล iTop Influencer จากโครงการ iTop นักเล่าเรื่องท้องถิ่น ที่พี่ซี-ฉัตรปวีณ์ เป็นผู้จัดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หลังจากนั้นก็ได้มีคอนเนคชั่นติดต่อกันมา แล้วก็ได้พูดเกริ่นไปว่า อยากฝึกงานที่นี่จังเลย ก็ได้มีรุ่นพี่ในบริษัทบอกว่ามาเลย ก็เลยไปเลยซิคะ จะรออะไร ได้ยื่นเอกสารฝึกงานไปให้เรียบร้อย จากนั้นก็ได้เข้ามาทำงานร่วมกับบริษัท Social Lab
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นว่าเราเหมือนเป็ด สามารถทำได้ทุกอย่างในคนคนเดียว สามารถเป็น MC ได้ เป็นนักข่าวให้ได้ นอกเหนือจากนี้สามารถเขียนคอนเทนต์เองได้ สามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อต้องรับหน้าที่ไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ถือว่าการที่มีทักษะหรือสกิลและสามารถทำได้หลายอย่างคือจุดแข็งของเรา
บทบาทใหม่ในการทำงานกับ Social Lab
สำหรับเราก็คือการเป็น Reporter ของช่อง เพราะว่าพี่ซีบอกกับเราว่า “กิ๊ฟมี DNA ความเป็นพี่ซีอยู่ในตัวกิ๊ฟอยู่ พี่เลยอยากจะปั้นให้กิ๊ฟ เป็นผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับไอที” การเป็น Reporter ให้กับช่องนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่มาก เพราะส่วนใหญ่ช่องจะเน้นไปที่สิ่งแปลกใหม่ รีวิว และไลฟ์สไตล์ซะส่วนใหญ่ แต่พอเราเข้ามา ก็เริ่มหยิบข่าวเกี่ยวกับไอทีมาเล่า มาย่อยให้กับคนดูให้เข้าใจง่ายมากขึ้น
ความท้าทายและวิธีการรับมือภายใต้แรงกดดัน (ฉบับตัวแม่)
เรื่องที่คิดว่าหินก็คือการจัดการเวลา เพราะว่าเราทำงานหลายอย่างในตัวคนเดียว บางทีงานมันถาโถมเข้ามาแบบเร่ง ๆ เข้ามา ทุกคนเห็นว่า น้องกิ๊ฟสามารถผ่านไปได้ด้วยตัวคนเดียว พอถึงจุดหนึ่งมันเยอะมาก จนรู้สึกว่า เราไม่สามารถปรึกษาใครได้เลย เพราะทุกคนคิดว่าเราสามารถผ่านพ้นทุกปัญหาไปได้ด้วยตนเอง อันนี้ถือว่าเป็นจุดหินเลย
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป คำนี้ใช้ได้แบบตลอดชีวิต มาเลยค่ะ มาให้หมด แล้วเดี๋ยวจะทำให้สำเร็จให้ดู แต่ต้องตั้งใจทำ ยิ่งเขากดดันมา นั่นหมายความว่า เรายิ่งต้องทำมันออกมาให้ดี จนเขาเห็นว่าสิ่งที่คุณกดดัน เราสามารถทำได้มากกว่าที่คุณกดดันเราอีก นี่คือวิธีที่ใช้รับมือภายใต้แรงกดดัน
จัดสรรเวลาเรียน เวลาทำงาน
ต้องบอกว่าพื้นฐานก็คือเราเรียนกับ โครงการ BUCA Talent คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่เราได้รับทุน และร่วมทำกิจกรรม
ขณะที่เราได้ทำงานด้วย โดยที่เราก็ต้องทำสัญญากับทางบริษัทที่เราทำงานว่า เราขอเคลียร์งานของทางบริษัทให้เสร็จ เมื่อเสร็จแล้วก็ขออนุญาตไปเรียนและทำงานที่มหาวิทยาลัย ซึ่งทุกอย่างก็ตกลงกันเรียบร้อย มีการบริหารจัดการงานและเวลาเรียนได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่ได้มาทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ เรารู้สึกว่าใช้เวลาคุ้มมาก เพราะเราต้องเอาเวลาไปผลิตคอนเทนต์มากกว่า 8-9 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งในหนึ่งวันเราจะต้องมีคอนเทนต์ให้คนดูอย่างน้อยสักหนึ่งอย่าง และนอกเวลางานและเวลาเรียน ก็จะใช้เวลาว่างเป็นเวลาพัก เรารู้สึกว่าเวลาตอนที่เราพักผ่อน เราก็ได้พักอย่างเต็มที่
พยายามแบ่งเวลา เวลาทำงานก็คือทำอย่างเต็มที่ ส่วนเวลาพักก็จะพักแบบให้เต็มที่เช่นกัน อันดับหนึ่งตอนนี้เราก็ให้เรื่องเรียนอันดับหนึ่ง เพราะว่าเราก็ยังเรียนอยู่ แต่ส่วนงานที่เรารับเราก็ตั้งใจทำให้สำเร็จเช่นกัน
ส่งต่อพลังงานบวกให้กับรุ่นน้องและทุกคน
ฝากถึงทุกคน เราอยากบอกว่าชีวิตของเรามันไม่ง่ายเลย ตั้งแต่เริ่มต้นกว่าจะเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยได้ก็ต้องชิงทุนแข่งขันเข้ามา กว่าจะมาเป็น MC of BU ก็ต้องแสดงศักยภาพให้คนเห็นมากมายหลายรอบ กว่าจะได้รับความไว้วางใจจากใครหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
บอกตัวเองเสมอว่า เราคือคนที่พยายามจริง ๆ ขอให้ทุกคนที่กำลังเจอกับปัญหาอยู่ อยากจะบอกว่าโลกอาจจะไม่ใจดีกับคนทุกคนเท่ากัน วันนี้คุณอาจจะเป็นคนที่โลกไม่ใจดีด้วย แต่คุณมีหน้าที่ที่จะต้องใจดีกับตนเอง เปิดโอกาสให้ตนเอง ฝึกฝน และเรียนรู้สิ่งนั้นอยู่เสมอ
ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ ไม่มีอะไรที่เกิดจากความบังเอิญหรือความโชคดี มีแต่ความพยายามเท่านั้นที่จะนำพาเราไปสู่จุดที่เราต้องการได้ ขอให้พยายามจนถึงที่สุดและเมื่อไหร่ที่ถึงขีดสุดของเราแล้ว จงบอกกับตัวเองว่า นี่คือเต็มที่ของเราแล้ว ค่อย ๆ พัฒนาต่อไป และเมื่อถึงจุดที่เราพอใจเราให้เราบอกกับตัวเองว่า นี่แหละคือคุณค่า และรางวัลของคนที่พยายาม ขอให้ทุกคนโชคดีกับเส้นทางของตัวเอง
พวกเราได้เห็นถึงพลังความมุ่งมั่นและความพยายามของกิ๊ฟ ขอส่งกำลังใจ ให้สาวน้อยมหัศจรรย์ ผู้มีความสามารถรอบด้าน เรียนรู้ และทำงานอย่างมีความสุข
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ กิ๊ฟ-เนรันตร์ชลา สุขะพละ รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ