วิงการ์เดียม เลวิโอซ่า! คุ้นกันบ้างไหมเอ่ย ถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้แฮร์รี่ พอตเตอร์ คงเคยได้ยินว่าคาถานี้ทำให้สิ่งของลอยได้! แฮร์รี่ พอตเตอร์ พ่อมดน้อยที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก แต่จะรู้ไหมว่ามีรุ่นพี่มหาวิทยาลัยกรุงเทพของเราคนหนึ่งที่ใช้พลังแห่งโลกมนต์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ขับเคลื่อนชีวิตจนได้ทำงานที่รัก และสนุกกับงานมากมาย
พี่โฟล์ค–พงศธร แก้วพิลารมย์ ศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ก่อตั้งแฟนเพจแฮร์รี่ พอตเตอร์ โบกนิดสะบัดหน่อย : Swish and Flick และแฟนเพจ Disney & Musical Club Thailand ที่สามารถใช้ความชื่นชอบของตนเองเป็นแรงผลักดัน จนได้มาร่วมงานกับบริษัทในฝันอย่าง Disney Thailand ในที่สุด
ตัวตนของคนชอบคิดฝันและจินตนาการ
เด็กทุกคนล้วนเติบโตมากับโลกของเทพนิยาย และมีความฝันที่อยากจะทำให้ได้ พี่โฟล์ค–พงศธร แก้วพิลารมย์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ ช่วงที่ยังไม่ได้แยกตัวออกมาเป็นคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ บอกแค่นี้ก็พอจะคาดเดาได้ว่ารุ่นพี่ของเราคนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์มากมาย ขณะนี้พี่โฟล์คทำงานอยู่ในตำแหน่งดิจิทัลมาร์เก็ตติง ควบคู่ไปด้วยการร่วมกับงานดิสนีย์ ประเทศไทย (Disney Thailand) และทำงานพากย์เสียงอยู่เป็นระยะ
สมัยเรียนพี่โฟล์คถือเป็นเด็กกิจกรรมตัวเต็งคนหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งเป็นสต๊าฟคณะ รองประธานคณะ ได้ลองเป็นตั้งแต่ผู้ตามจนมาเป็นผู้นำ และทำงานในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งทำให้พี่โฟล์คได้เรียนรู้กระบวนการและวิธีการรับมือกับคนและสถานการณ์ที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้พัฒนาทักษะความกล้าแสดงออก การทำงานเป็นทีม การบริหารจัดการงานมาปรับใช้ขณะทำงานจริง
ความชอบช่วยให้เปิดเส้นทางความฝัน
การชอบดูหนัง ฟังเพลง หลายคนบอกว่านี่คืองานอดิเรก แต่สำหรับพี่โฟล์คนี่คือการเรียนรู้ พี่โฟล์คเป็นคนหนึ่งที่มีความชอบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอย่างการดูภาพยนตร์ ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือ โดยความชอบส่วนใหญ่ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับสื่อบันเทิงอย่างภาพยนตร์ ดนตรี นิยาย หรือละครเวทีต่าง ๆ ตามประสาเด็กนิเทศ
เขายังเป็นส่วนหนึ่งของหลาย “แฟนด้อม” หรือกลุ่มแฟนคลับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแฟนด้อมมิวสิคัล ดิสนีย์ แต่แฟนด้อมที่พี่โฟลค์มีบทบาทมากที่สุดก็คงไม่พ้น แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ทั้งดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือ เก็บของสะสม ไปเที่ยวตามรอย จนเรียกว่าเป็นพอตเตอร์เฮดเต็มตัวเลยทีเดียว
เพราะความชอบในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของพี่โฟล์คนั่นเอง จึงได้เกิดเป็นแฟนเพจ โบกนิดสะบัดหน่อย : Swish and Flick ขึ้นมา “ตอนสร้างเพจก็ไม่ได้คิดว่าเพจจะมาเบอร์นี้ คิดว่าทำขำขำ แต่ว่าพอได้ทำจริงและต่อเนื่อง เหนือความคาดหมายไปเยอะเหมือนกันนะครับ ไม่คาดคิดว่าคนจะให้การตอบรับเยอะและดีมาก ก็ถ้าให้ลองนึกย้อนไปแต่ก่อนก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้”
เชื่อในเวทมนต์และความมหัศจรรย์ ทุกอย่างก็เป็นจริงได้
เริ่มจากความอยากรู้อยากเห็นในฐานะแฟนคลับ ความเนิร์ดที่อยากจะทำความรู้จักโลกเวทมนตร์ที่ตัวเองรักมากขึ้น แฟนเพจของพี่โฟล์คเติบโตขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้ได้มาเจอกับผู้คนอีกมากมายที่รักในสิ่งเดียวกัน และยังทำให้พี่โฟล์คได้รับโอกาสที่ไม่คาดฝันมาก่อน
ที่น่าตื่นเต้นคือการได้เป็นหนึ่งในสื่อที่ได้เข้าร่วมสัมภาษณ์ในรอบรวมสื่อของฝาแฝด James Phelps และ Oliver Phelps สองนักแสดงผู้รับบทเฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์ จากภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ อีกด้วย และยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ได้รับโอกาสจากทาง Official ทั้งฝั่งภาพยนตร์และนวนิยายให้พี่โฟล์คมาทำหน้าที่สื่อ เรียกว่าประสบความสำเร็จในฐานะติ่งกันไปเลยทีเดียว
นอกจากนั้น พี่โฟล์คยังบอกว่าหลายอย่างที่ชอบ ให้ความบันเทิงแล้วก็ยังให้คติสอนใจหรือข้อคิดที่พี่โฟล์คนำมาปรับใช้ได้จริง “การดูแฮร์รี่ก็จะได้เรื่องการเปิดใจ ความใจกว้าง ช่วยสอนเราให้มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้นเวลาทำงานเป็นทีม”
ก่อตั้ง Disney & Musical Club Thailand
แล้วฝั่งเพจ Disney & Musical Club Thailand ล่ะ ? ทำไมถึงขยับมาทำเพิ่ม ทั้งที่ประสบความสำเร็จกับเพจโบกนิดสะบัดหน่อยแล้ว พี่โฟล์คบอกว่าจุดเริ่มต้นของ Disney & Musical Club Thailand มาจากตอนปีที่แล้วที่มีคลับเฮ้าส์มาแรง เป็นแอพที่กำลังบูม เราเลยอยากตั้งห้องไว้ร้องเพลงเล่น ๆ ร้องเพลงดิสนีย์หรือมิวสิคัล สนองตัณหาตัวเองอีกแล้ว เป็นการสนองความติ่งล้วน ๆ ก็เลยตั้งห้องขึ้นมา
จนมีสมาชิกเพิ่มเป็นแก๊งที่ขอเรียกว่าผู้ร่วมก่อตั้งก็แล้วกัน ก็จะมีพี่อีกหลายคน จนกลายมาเป็นคลับคลับนึงที่เปิดให้ใครก็ได้มาร้องเพลงเพื่อปลดปล่อยความเนิร์ดเหมือนกัน จนวันหนึ่งมีผู้ใหญ่เขามาเห็น เลยเอาเราไปทำโปรเจค เราก็เลยเริ่มกลายเป็นคลับที่ค่อนข้างเป็นทางการอีกอันหนึ่ง เป็นผลงานอีกอันที่เกิดขึ้นมาจากความติ่งความเนิร์ดล้วน ๆ แต่เราก็โชคดีเหมือนกันที่มีผู้ใหญ่เขามาเห็น แล้วเราก็ได้โอกาสตรงนั้น
ต่อยอดสู่การทำงานกับ Disney
การคร่ำหวอดอยู่แวดวงแฟนที่ชื่นชอบดิสนีย์ ทำให้พี่โฟล์คเข้าตาและได้รับร่วมงานกับ Disney Thailand อย่างจริงจัง เรียกว่าเพจ Disney & Musical Club Thailand นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่โฟล์คได้มาทำงานกับดิสนีย์ “จะพูดแบบนั้นก็ได้ เพราะพี่ก็ได้มาร่วมหลายโปรเจคก็จากอันนี้แหละ” พี่โฟล์คบอกเราอย่างปลาบปลื้ม
จากความชอบ สู่การได้ร่วมงานจริง เป็นส่วนหนึ่งของ Disney Thailand อย่างเต็มตัว
พี่โฟล์คได้มีผลงานร่วมกับ Disney Thailand แล้วถึงสองงาน นั่นก็คือ Encanto (2021) และ Turning Red (2022) โดยในส่วนของ Encanto หรือเอ็นกันโต้ นับเป็นงานแรกในดิสนีย์อย่างเป็นทางการของพี่โฟล์ค ที่ได้มีส่วนร่วมในการดูบท ดูเนื้อเพลงที่แปลเป็นภาษาไทย และเกลาคำจนออกมาเป็นบทพากย์ที่สละสลวยอย่างที่เราได้ชมกันไปในภาพยนตร์ฉบับพากย์ไทยนั่นเอง
“ตื่นเต้นมาก เพราะว่าหนึ่งเราก็คือชอบดิสนีย์อยู่แล้ว แล้วก็คือเราก็ฝันเนอะ อยากจะไปทำงานร่วมกับบริษัทที่เป็นความฝันของหลาย ๆ คน แล้วมันก็มีส่วนที่เราได้เข้าไปเป็นส่วนร่วม แล้วแบบภูมิใจมาก แล้วก็พอได้เข้าไปสัมผัส ได้ไปจับอะไรจริง ๆ มันภูมิใจมาก เพราะว่า เรื่องนี้พี่ชอบแบบชอบมาก ๆ พองานเสร็จทุกอย่าง หนังฉาย เราก็แบบ ประทับใจมาก ปลื้มปริ่ม” พี่โฟล์คเล่าพร้อมรอยยิ้ม
ขณะที่แอนิเมชันเรื่อง Turning Red ก็ยิ่งเป็นการเติบโตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งของพี่โฟล์ค เพราะนอกจากหน้าที่เบื้องหลังในส่วนของการช่วยปรับบทและเกลาคำในบทพากย์แล้ว ในครั้งนี้พี่โฟล์คยังได้ขยับมาพากย์เสียงเอง ถึงแม้จะยังไม่ได้เป็นตัวละครหลักก็ตาม
แต่ก็แน่นอนว่าการได้รับหน้าที่ที่ใหญ่ขึ้น ในบริษัทชั้นนำอย่างดิสนีย์ กระบวนการเบื้องหลังต่าง ๆ ในบางส่วนก็อาจจะต่างออกไปจากที่เคยรับรู้มาเช่นกัน “ก็จะมีจุดอะไรบางอย่างให้เราได้ Learning (เรียนรู้) อยู่ตลอดเวลาทำงานกับที่นี่ พี่รู้สึกว่าเราได้ประสบการณ์ การเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอด เราได้เจอกับผู้ใหญ่ หรือทีมร่วมงานเก่ง ๆ หลายคน หลายความสามารถ อย่างบางทีเราก็คิดว่าไอเดียที่เราเสนอไปมันก็น่าจะดีแล้ว แต่แบบ พอเราได้เห็นของคนอื่นเราก็แบบอันนี้มันก็เวิร์คนี่ หรือบางทีพอเราเสนอไอเดียของเราไปแล้วคนอื่นยอมรับ มันก็เหมือนได้แชร์กัน ก็จะได้เรียนรู้อะไรระหว่างการทำงานเยอะมาก”
พี่โฟล์คยังบอกอีกว่า ไม่กดดันในส่วนของการทำงาน เนื่องจากได้ทำงานกับทีมงานของดิสนีย์ที่แสดงให้เห็นมาตลอดอยู่แล้วว่าเต็มที่กันเสมอ “ส่วนตัวไม่กดดัน เพราะเขามีทีมแปลที่เก่งมาก ๆ ที่เป็นระดับคุณพ่อในวงการแปลเพลงของดิสนีย์ทำงานอยู่แล้ว เราเชื่อใจเขา แล้วเขาก็ทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว เรามาช่วยเสริม ช่วยนู่นช่วยนี่ให้มันออกมาสมบูรณ์มากขึ้นมากกว่า”
หากจะมีความกดดัน ก็คงเป็นในส่วนความพอใจของคนดูมากกว่า “ถ้าจะกดดันก็จะเป็นความกดดันเล็ก ๆ ตรงแบบว่า คนดูเขาจะชอบไหมนะ เวลาเราทำผลงานออกมา ซึ่งมันก็เป็นกับเกือบทุกงาน เพราะพี่ก็ทำเกี่ยวกับพวกสื่อที่มันต้อง communicate กับคนหมู่มาก ก็จะมีความ เขาจะชอบหรือเปล่า เขาจะมี feedback ยังไง ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่กดดันตัวเอง”
ความชอบในการทำงานกับดิสนีย์
พี่โฟล์คเล่าอย่างน่าตื่นเต้นว่า “โห มันก็มีหลายส่วนที่ชอบนะ แต่ส่วนหนึ่งที่เรารู้สึกว่าอันนี้แหละ คือสิ่งที่เรารอคอย ได้ทำสักที ก็คือการได้รู้เรื่องก่อนใครเพื่อน ได้รู้สปอยล์ก่อนใครเพื่อน ก็คือได้ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็มีข้อเสียเป็นการที่ไม่สามารถบอกใครหรือแพร่งพรายได้ มีความความคันปาก อยากเม้าท์ อยากเล่ามาก ไม่ไหวแล้ว แต่ด้วยความดิสนีย์อะเนอะ เขาก็เข้มงวดกับเรื่องเก็บรักษาความลับ เพราะฉะนั้นแล้วเราก็ต้องทำตามให้ได้ แต่ข้อดีก็คือเราได้รู้อะไรบางอย่าง”
เล่าสปอย์งานที่กำลังจะทำ
สำหรับพี่โฟล์คงานที่ทำคือความสนุก “ตอนนี้มีหลายโปรเจคมาก หลายโครงการมันตีกันไปหมด ของโบกนิดยังไม่มีอัพเดตเพราะรอหนังใหม่ ของทางเพจ Disney & Musical Club Thailand ก็จะมีโปรเจคมาเรื่อย ๆ อย่างตอนนี้ก็เพิ่งจะมีเวิร์กช็อปนักพากย์ไป ก็จะมีการรวมตัวของพี่นักพากย์ แล้วก็ผู้กำกับการพากย์ ก็จะมาให้ความรู้ แล้วก็เทรนเกี่ยวกับเรื่องการพากย์ เป็น Open Workshop ใครที่สนใจก็สมัครเข้ามาแล้วก็ร่วมเวิร์คช็อปได้เลย แล้วก็มีโครงการอื่นอีก ก็จะมีโปรเจคอื่นอีกหลายอย่าง ทั้ง cover เพลง หรือรายการคอนเทนต์ต่าง ๆ ก็จะตามมาเรื่อย ๆ ในอนาคต สามารถติดตามได้ ทั้งในตัวของเพจและยูทูปแชแนลเลย”
แรงขับเคลื่อนหลักคือแฮร์รี่ พอตเตอร์
โลกเวทมนต์ของพ่อมดน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์คือพลังสำคัญในการทำงาน พี่โฟล์คยอมรับกับเราพร้อมเสียงหัวเราะ “ใช่ครับ คือความเนิร์ดส่วนตัว ความติ่งส่วนตัว ความอยาก ความอยากส่วนตัวล้วน ๆ คือพี่รู้สึกว่าถ้าเราชอบแล้วเราลงมือทำอะไรบางอย่าง มันก็ทำให้เกิดอะไรบางอย่างเหมือนกัน สมมติว่าเราชอบเฉย ๆ แต่แค่ชอบ มันก็อาจจะได้แค่ชอบ สนุก แต่ถ้าสมมติเราสามารถทำให้สิ่งที่เราชอบมันงอกเงยหรือต่อยอดเป็นอะไรบางอย่างได้มากกว่านี้ มันก็น่าจะดี พี่ก็มีความคิดประมาณนี้แหละเวลาพี่ทำ”
ก่อนจากกันเราขอให้พี่โฟล์คส่งต่อความรู้สู่รุ่นน้องกันสักเล็กน้อย “โห แนะนำยากเหมือนกันเพราะพี่ก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่พี่ตั้งต้น พี่คิดว่าสิ่งที่ทำให้พี่มาได้ขนาดนี้ก็คงเป็นการเริ่มทำอะไรสักอย่างก่อน สมมติเราอยากทำ เราก็แค่ลงมือทำแค่นั้นเอง สมมติว่าน้องอยากทำเพจ อยากทำแชแนล อยากทำคอนเทนต์สักอันหนึ่ง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะทำดีไหม ทำยังไงดี”
“ถ้าเป็นพี่แนะนำนะ ส่วนตัวนะ พี่ว่าทำไปเหอะ ดีไม่ดี ทำไปก่อน ให้ความผิดพลาดมันเป็นบทเรียน ให้มันสอนเราไปเรื่อย ๆ เอง ถ้าเราไม่เริ่มเดิน ไม่เริ่มพลาดสักทีมันก็อยู่แค่นั้น อย่างน้อยถ้าลองไปแล้วมันไม่เวิร์ค อย่างน้อยก็ได้ลองแล้ว จะลองใหม่ แบบไหน ต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราได้เรียนรู้มา แต่อย่างน้อยก็ให้ได้เริ่มก่อนก็พอ”
เชื่อเราหรือยังว่าเพียงเชื่อในพลังของเวทมนต์ทุกสิ่งก็เป็นไปได้ คนที่สนใจอยากติดตามโปรเจคต่าง ๆ หรืออยากหาความรู้เพิ่มเติมกับเวิร์คช็อปที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต สามารถเข้าไปติดตามพี่โฟล์คกันได้ที่เพจ โบกนิดสะบัดหน่อย : Swish and Flick และเพจ Disney & Musical Club Thailand รวมไปถึงช่องทางอื่นอย่าง YouTube, Instagram และ TikTok ใช้ชื่อเดียวกันได้เลย และสำหรับทุกคนที่มีความชอบในอะไรบางอย่างและอยากให้ความชอบนั้นงอกเงย อย่าลืมเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้และลงมือทำ เพราะความฝันของคุณเองก็อาจจะเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบภาพ พี่โฟล์ค–พงศธร แก้วพิลารมย์ ศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ Facebook: Folksong P. Kaeophilarom Facebook Page โบกนิดสะบัดหน่อย : Swish and Flick, Facebook Page Disney & Musical Club Thailand