เส้นทางสายบันเทิงที่มีความสุขของพี่ฟลุ๊ค-พงศกร รุ่นพี่พีอาร์ดิจิทัล ม.กรุงเทพ

ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ทำงานทุกวันอย่างมีความสุข เท่านี้ชีวิตก็สนุกแล้ว

         ขอเพียงสนุกกับชีวิตในทุกวัน ทุกคนก็มีสิทธิ์ก้าวถึงฝันที่หวังไว้ ดังเช่นเรื่องราวของ พี่ฟลุ๊ค-พงศกร วงศ์เพียร รุ่นพี่สาขาการประชาสัมพันธ์ดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

         มาเจาะลึกเส้นทางการเป็นนักแสดง จากนักศึกษาสายกิจกรรมผันตัวมาเป็นนักแสดง กลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งของวงการบันเทิง พวกเราขอพาทุกคนไปค้นหาคำตอบไขข้อสงสัยเกี่ยวกับชีวิตที่มีเรื่องสนุกให้ทำทุกวันจาก “พี่ฟลุ๊ค” นักแสดงหนุ่มหน้าใสขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังมาแรงมากในตอนนี้กันเลย

         ช่วงโควิด-19 ทำให้เราไม่ได้มีโอกาสพบกับพี่ฟลุ๊คตัวจริง เราจึงได้ขอนัดสัมภาษณ์ทางออนไลน์ พี่ฟลุ๊คปรากฏตัวทางโปรแกรมออนไลน์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมแนะนำตัวว่า สวัสดีครับ ฟลุ๊ค-พงศกร วงศ์เพียร เรามาพร้อมกับคำถามมากมายที่พี่ฟลุ๊คตอบเราด้วยความเป็นกันเอง

แรกเริ่มเข้าวงการบันเทิง

         เรื่องนี้คือต้องย้อนไปประมาณช่วงผมอยู่ปีหนึ่งครับ ช่วงนั้นเราปิดเทอม อยากหาอะไรทำ เเล้วเราอยากมีเงินเก็บ ผมจึงไปสมัครงานพาร์ทไทม์ ไปสมัครอยู่ประมาณ 10 กว่าแห่ง ไม่มีที่ไหนรับเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่รับ เเต่ก็ถือว่าเป็นโอกาส เพราะว่าถ้าได้ทำงานพาร์ทไทม์ อาจจะไม่ได้มาทำงานในวงการ ก็เลยตัดสินใจว่าเราลองไปเเคสต์งานในวงการบันเทิงดูดีกว่า เเล้วก็ได้ครับ ก็มีผลงานเรื่อยมา

         ที่จริงผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาทำงานในวงการบันเทิง คืองานในวงการเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากเพราะเรารู้สึกว่างานในวงการเป็นเรื่องของโอกาสเเล้วก็ความสามารถ ที่จริงคืออยากเป็นนักมวยครับ เเต่ก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าที่บ้านไม่สนับสนุน ถ้าถามว่าตอนนี้ยังอยากเป็นนักมวยอยู่ไหม ก็อยากครับ อยากลองขึ้นเวที อยากลงนวมดูสักครั้ง เป็นความฝันของเราตั้งเเต่ตอนเด็ก ถ้าตอนนี้ได้ทำก็คงดี

ความคิดต่องานภาพยนตร์และงานซีรีส์

         เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าพี่ฟลุ๊คจากภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีชื่อว่า วุ่นนักรักต้องประหยัด (Make money) ขณะนี้ออกฉายทาง MONOMAX เป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดในการจัดการชีวิต การทำงาน และการบริหารการเงิน ถ่ายทอดผ่านแคแรคเตอร์ของวัยรุ่นที่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัว ดูเพลิน แถมยังได้ตระหนักรู้ในการจัดการการเงินมากขึ้นด้วย

         พี่ฟลุ๊คอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเข้าใจในสื่อภาพยนตร์และประสบการณ์ในการเล่นภาพยนตร์ให้เราฟังว่า สำหรับตัวผมที่ได้รู้มาก็คือภาพยนตร์ ขึ้นต้นว่าภาพใช่ไหมครับ ภาพยนตร์ก็คือการเน้นการเเสดงสีหน้าทางหน้าตา โดยที่คำพูดไม่ต้องเยอะ ส่วนใหญ่ที่เราดูภาพยนตร์ เขาก็จะมีหน้ามีตาที่ออกมาชัดเจนว่าเขากำลังรู้สึกหรือว่าคิดอะไรอยู่ เพราะว่าเวลาเราไปดูหนังในโรง เราจะไปนั่งดูจากจอใหญ่คือเราก็จะเห็นรายละเอียดการเเสดงของนักแสดงทั้งหมด

         หากเป็นซีรีส์หรือว่าละคร คนที่รับชมบางคนเขาก็ทำอาหารไปทำกับข้าวไป กินข้าวเปิดทีวีดูไปพวกซีรีส์กับละครก็จะเน้นที่การพูด การแสดงสีหน้าออกทางอารมณ์ก็จะน้อยลงกว่าภาพยนตร์ ส่วนตัวผมรู้สึกว่าชอบเล่นภาพยนตร์มันสนุกดีครับ ท้าทายตัวเองดี ที่สำคัญก็คือไม่ยาวด้วย ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาถ่ายทำประมาณสองสามเดือนก็จบเเล้วครับ

บทบาทการแสดงในอโยธยามหาละลวย

         งานแสดงเรื่อง อโยธยามหาละลวย ท้าทายมาก ยากมาก ผมรับบทเป็นอาซิม ซึ่งเป็นเเขก ต้องมีการทาตัว ลงสีตัว เวลาไปกองก็ต้องไปเช้ากว่าคนอื่น เพื่อที่จะลงตัวให้ดำ ให้เป็นแขก ยากที่ต้องทาสีดำที่ตัว แต่ก็คุ้มค่า เพราะการเป็นนักแสดง ก็ทำให้มีคนรู้จักเรามากขึ้น มีคนที่ชื่นชอบผลงาน เเล้วก็ติดตามเรา รู้สึกขอบคุณทุกคนที่ติดตาม เเล้วก็เป็นกำลังใจให้กันครับ เหมือนเป็นเเรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองต่อไป

         ตอนแรกการทำงานก็รู้สึกกดดัน ปัจจุบันเราก็ยังรู้สึกกดดันอยู่ เพราะว่างานเเต่ละงานมันไม่เหมือนกัน เราเจอผู้กำกับที่ไม่เหมือนกัน เจอทีมงานที่ไม่เหมือนกัน เจอนักแสดงที่ไม่เหมือนกัน มันก็กดดันครับ เเต่เราก็จะต้องพยายามทำการบ้านอ่านบทศึกษาตัวละครของเรา เพื่อที่เวลาไปหน้างานหรือว่าหน้ากองเราจะได้ทำมันออกมาให้ดีที่สุดครับ

         เวลาเหนื่อยหรือท้อก็ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับตัวเองครับ จัดการความรู้สึกความคิดของตัวเองว่าเราเหนื่อยหรือท้อเรื่องอะไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นครับ พยายามฟังเพลงบ้างดูหนังบ้างใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อที่จะได้ช่วยให้เราไม่คิดมาก

ผลงานซีรีส์ที่น่าติดตาม

         ผลงานล่าสุด รักนาย my ride ที่ได้มาเเสดงเพราะว่าผู้จัดเขาคิดว่าคาเเรคเตอร์เราเหมาะกับตัวละครที่ชื่อว่าหมอก ซึ่งมีอาชีพเป็นวินมอเตอร์ไซค์ เป็นการเล่นซีรีส์วายเรื่องเเรกเลย ก็ตื่นเต้น เเล้วก็กดดันเเต่ก็พยายามปรึกษาพูดคุยกับผู้กำกับทีมงาน เพื่อที่จะคลายความกดดัน เเล้วเราก็มี Workshop ก็พอไปถึงหน้างานก็ดีขึ้นครับ

         ขอบคุณเเฟนคลับทุกคนเลยครับ ขอบคุณมากเลย เพราะว่าซีรีส์เรื่องนี้ตั้งเเต่มีข่าวว่าจะได้ทำซีรีส์ก็สองปีมาเเล้ว ตอนแรกคือ Pilot ใช้เวลาประมาณสองปีที่เเล้ว จนมาถึงตอนนี้ที่ถ่ายทำเสร็จก็ได้ออนแอร์ ก็นานอยู่เหมือนกัน อยากขอบคุณเเฟนคลับทุกคนครับที่รอติดตามกัน สนับสนุนกันอยู่เสมอครับ พี่ฟลุ๊คเล่าด้วยสีหน้าสดใส

         ฉากที่ประทับใจในซีรีส์ ที่จริงก็มีหลายฉากมากครับ ส่วนตัวผมชอบฉากที่อยู่ในตอนสุดท้ายที่ขับมอเตอร์ไซค์ มีภูเขาอยู่ข้างทางครับไม่รู้จะเห็นหรือเปล่า สวยมาก เเล้วก็ตอนที่เราไปถ่ายทำเป็นช่วงหน้าหนาวพอดี อากาศดี ก็อยากให้ทุกคนรอติดตามครับ

สิ่งที่ทำให้ประทับใจไม่ลืม

         อย่างที่บอกครับเป็นการสนับสนุนของแฟนคลับ เพราะว่าในส่วนของการแสดงหรือว่าผลงานที่ออกมาคือนักแสดงเเล้วก็ทีมงานทุกคนเนี่ยทำเต็มที่ เรื่องนี้จะเป็นกระเเสหรือว่าจะออกมาอย่างไร ก็ต้องเป็นเเฟนคลับหรือว่าคนดูทุกคนตัดสินครับ เเล้วก็ขอบคุณมากครับที่ซัพพอร์ตกัน เเล้วก็ติดตามผมเสมอเเล้วก็เป็นกำลังใจให้กัน เวลาผมทำงานมาก็หายเหนื่อยครับ

ชีวิตการเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

         ตอนแรก เรามองเเค่ว่าเราเป็นคนพูดไม่เก่ง ผมเป็นคนที่แบบเงียบ ๆ สาขาที่เลือกเรียนเพราะเราอยากจะฝึกให้เราเป็นคนกล้าพูด กล้าเเสดงออกมากขึ้น ก็เลยเลือกเรียนประชาสัมพันธ์ครับ

         สิ่งที่เรียนรู้ก็คงเป็นในเรื่องของการทำงานเป็นทีม เพราะว่างานส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยก็จะเป็นงานกลุ่ม เราก็ต้องทำงานกับคนอื่น ประสบการณ์ที่เคยทำงานร่วมกับเพื่อน เจอคนหลายคนก็มาใช้ในการทำงานการแสดงของเรา มันก็ช่วยได้ เพราะว่าการแสดงมันก็ต้องเจอกับคนหลายคน

         ทั้งเรียน ทำกิจกรรม ทำงานด้วย ตอนแรกตารางก็ชนกันครับ พอเริ่มชินก็ลงตัว สามารถจัดการเวลาได้ดีขึ้น นอกจากนั้นก็มีเล่นฟิตเนส เเล้วก็เตะฟุตบอล เเล้วก็ต่อยมวยบ้าง เล่นกีฬาที่ทั่วไปไม่ได้หวือหวาอะไรเป็นพิเศษ

ฝากผลงานและช่องทางการติดตาม

         ขอฝากซีรีส์เรื่องรักนาย my ride ด้วยครับผม ส่วนใครที่อยากติดตามผม ก็ตามได้ใน IG กับ Twitter flukepsk_ ครับ ตอนนี้ก็กำลังจะมีซีรีส์อีกสองเรื่อง ก็อยากให้ฝากติดตามรอดูกันครับ ตอนนี้ก็ดูรักนาย my ride ไปก่อน

อนาคตที่วางแผนไว้

         ถ้ายังมีงาน เเล้วก็มีโอกาสเข้ามาอยู่ เราก็คิดว่าเราก็ยังอยากทำไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราสนุกที่ได้ ไปออกกองถ่าย ไปเจอคน เจอทีมงาน เจอพี่นักแสดง เจอสภาพสังคมที่มันเป็นเกี่ยวกับการทำงานในกองถ่ายครับ ผมรู้สึกว่ามันสนุกดีครับ

         ได้ยินได้ฟังอย่างนี้ เรารู้สึกดีตามไปด้วยเลย ก็เพราะสนุกกับการทำงานที่เข้ามาอย่างนี้เสมอ ทำให้พี่ฟลุ๊คก้าวเดินไปบนเส้นทางสายบันเทิงได้อย่างมั่นใจ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจในการสนับสนุนรุ่นพี่มหาวิทยาลัยกรุงเทพคนนี้ให้มีพลังในการใช้ชีวิตได้อย่างสดใสแบบนี้ตลอดไป

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ พี่ฟลุ๊ค-พงศกร วงศ์เพียร รุ่นพี่สาขาการประชาสัมพันธ์ดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Writer

นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Writer

นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Writer

นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ