เปา-ธีรภัทร วง Bamm คนดนตรีรุ่นใหม่ เรียนรู้อยู่กับปัจจุบัน เพื่อทำทุกวันให้มีความสุข

เปิดเส้นทางดนตรี และการใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเลือก เพราะยิ่งกว่าฝัน คือการอยู่กับปัจจุบันให้เป็น

         โดนเทแต่เท่อยู่ ฉันจะฉาปเธอ เอ๋ง เศร้าศาสตร์ ชอบใส่ใจ ชื่อเพลงเหล่านี้ทุกคนคงคุ้นหูกันบ้าง เพราะว่านี่คือเพลงของวง Bamm ขวัญใจคนรุ่นใหม่ที่ได้ยึดครองหัวใจของทุกคน

         หากให้พูดถึงศิลปินวงทรีโอ้วัยรุ่นที่โด่งดัง หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นวง Bamm จากค่ายน้องใหม่อย่าง Lit Entertainment ที่มีพี่โดมจารุวัฒน์ The star 8 เป็นผู้บริหารค่าย โดยที่ไม่ว่าจะออกเพลงอะไรมาก็ฮอตฮิตติดหูทุกเพลง

         “รักษาพลังงานที่ตัวเองชอบ สนุกในการทำเพลง เพื่อให้คนดูรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้มาเจอเรา” นี่คือคำพูดของหนึ่งในสมาชิกวง Bamm ที่สะกดเรามากที่สุด ด้วยลุคสุดเท่ ทั้งร้องและเต้นไม่เป็นรองใคร คว้าตำแหน่ง Main Rap ของวง Bamm มาจับเข่าคุยกับ เปาธีรภัทร ตรีวิมล รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

         นี่คือเรื่องราวของเปา ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ความหวัง การลองทำด้วยความสนุก จากเด็กธรรมดาสู่การเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว มาพูดคุยกับเขาถึงเส้นทางชีวิต การเรียน และการสานฝันในฐานะคนดนตรี

เริ่มต้นสานฝันกับ BUCA Talent นิเทศ ม.กรุงเทพ

         จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่าเรียนสายวิทย์-คณิตมาก่อน เรียนเพราะสอบติด ขี้เกียจไปสอบใหม่ แต่พอนานไปก็มาค้นพบว่ามันไม่ใช่ทางสักเท่าไหร่ แล้วก็มีเพื่อนที่เขาชอบวาดรูปและก็ทำงานด้านนิเทศ แล้วเราก็ได้แชร์มุมมองกัน

         ทำให้เรารู้สึกว่าอยากเรียนนิเทศจัง ก็เลยค้นหาข้อมูลว่าที่ไหนดี ส่วนใหญ่คนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า นิเทศ ม.กรุงเทพ เราค่อนข้างโอเคในระดับหนึ่ง โชคดีที่ได้มาเจอกับโครงการ BUCA Talent บวกกับความพยายามที่อยากจะเข้าจริง จึงได้ใช้ความสามารถทั้งหมด สามารถชิงทุนเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้

ฝึกฝน บ่มเพาะ ในฐานะรุ่นพี่ BUCA Talent

         งานหลักก็คือการทำงานให้กับโครงการ ทุน BUCA Talent  งานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย แต่งานหลักก็คือจะเป็นของโครงการ เพราะทุกปีทางโครงการก็จะเฟ้นหาเด็กรุ่นต่อไป ซึ่งเราก็จะถือว่าเป็นรุ่นพี่ มองหารุ่นต่อไปน้องมัธยม เพื่อให้น้องเข้ามาร่วมค่าย มาฝึกและพัฒนาความสามารถ

         BUCA Talent จะมีทั้งการ Workshop ด้านนิเทศศาสตร์ การชิงทุน Final Stage การ Road Show หาเด็กที่สนใจตามโรงเรียนมัธยม

         งานที่ชอบที่สุดคือ Open House หรือว่างานเปิดบ้านของ ม.กรุงเทพ เพราะทุกคน ทุกคณะ อาจารย์ทุกคนดูตั้งใจที่จะร่วมด้วยช่วยกันทำให้มันสำเร็จ เพื่อที่จะช่วยให้น้องที่เข้ามาดูมาเห็นว่ามหาวิทยาลัยกรุงเทพของเรามีอะไรดี พยายามค้น DNA ของเราของคณะ สาขาของเราแล้วก็พรีเซนต์ออกไป รู้สึกว่าการที่ได้เห็นทุกคนตั้งใจทำงาน ทำให้เรามีแรงที่จะทำงานเหมือนกัน ก็เลยทำให้รู้สึกว่าชอบมาก

ร้องเพลงและเล่นดนตรี มีศิลปะในหัวใจ

         เริ่มจากตอนเด็กที่ได้ลองทำอะไรหลายอย่าง คุณแม่ก็อยากให้เราลองเรียนหลายแนว ที่นอกเหนือจากด้านวิชาการครับ ตอนเด็กก็มีไปเรียนเปียโน กีตาร์ กลอง แต่เต้นกับร้องก็ไม่เคยเรียน คือเริ่มจากพวกดนตรีก่อน ฝึกไปเรื่อย ๆ แล้วก็มาร้องเพลงแบบเล่น ๆ เหมือนเด็กมัธยมทั่วไป ที่เล่นกีตาร์ก็ต้องมาควบคู่กับการร้องเพลงด้วย

         วัยนั้นก็ทำเพราะสาวกรี๊ดด้วย ตามประสาวัยรุ่น แต่พอมาเรื่อย ๆ ก็ได้ลองทำลงยูทูปจากนั้นก็ได้มารู้ว่านี่แหละทางของเรา

         จริง ๆ ชอบทั้งสองอย่างเลยนะ คือการร้อง เราชอบเล่นกีตาร์อยู่แล้ว แต่สำหรับเราการเต้นก็ไม่เคยคิด ไม่เคยมีภาพในหัวเหมือนกันว่าเราจะเต้นได้ แต่ชอบศิลปินคือ Bruno Mars เขามีการเต้น การโยกตามจังหวะเพลง ซึ่งรู้สึกว่าโครตเท่เลย จริง ๆ มันก็เหมือนการร้อง ซึ่งการร้องจะใช้กีตาร์ ส่วนการเต้นก็จะใช้ร่างกายไปกับเสียงเพลง ชอบทั้งสองอย่าง แล้วแต่อารมณ์และสถานการณ์ในตอนนั้น

Enjoy กับชีวิต ลงมือทำในสิ่งที่ชอบ

         เราทำแล้วมีความสุข เอนจอยกับในสิ่งที่ทำ มองว่ากีตาร์เป็นเพื่อนมากกว่า เพราะว่าพอเลิกเรียนมาบางวันเหนื่อย ๆ ก็จับกระเป๋าเหวี่ยงแล้ว ก็เล่นกีตาร์ก่อนเลย เพราะการที่ได้ร้องเพลงเล่นกีตาร์ มันคือระบายในสิ่งที่เจอมาในแต่ละวัน คือในบางวันเพื่อนอาจจะไม่ได้เข้าใจเรา แต่วันนั้นก็จะมีเพลงบางเพลงที่เข้าใจเรา มองว่าคือสิ่งที่สามารถฮีลใจได้

ก่อนเข้าสู่ค่ายดนตรี Lit Entertainment

         เราทำคลิปลงยูทูป Cover กีตาร์ร้องเพลง ลง Instagram แล้วก็ไม่ได้คิดว่าใครจะมาเห็นด้วย คือตอนนั้นทุนเดิมเราเลยก็คือชอบเล่นกีตาร์อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นโลกโซเชียลกำลังมา เราอยากมีการโชว์ความสามารถ โชว์ซีนบ้างเล็กน้อย

         แต่ก็ไม่ได้หวังให้ใครมาแบบดูขนาดนั้น ลงไปก่อนเหมือนสร้างความกล้าให้กับตัวเอง เหมือนก้าวเล็ก ๆ ของเรา ทางพี่โดมและพี่มุกที่เป็น CEO ของค่าย Lit Entertainment ในตอนนั้นก็คือเฟ้นหาเด็กมาเทรนในค่ายเพื่อจะปั้นให้เป็นศิลปิน ซึ่งพี่เขาก็เจอจากคลิปที่เราร้องเพลงเล่นกีตาร์ที่ลงโซเชียลไว้ เขาก็เลยติดต่อมา เขาบอกว่ามันน่าสนใจและแปลกดี เรา Cover หลายแบบ ล้อเลียนบ้าง ตลกบ้าง ก็เลยทำให้คาแรคเตอร์ค่อนข้างชัดก็เลยไปเตะตาพวกพี่เขา

         และมีไปประกวดเป็นเด็ก To Be Number One Idol รุ่นที่ 8 มาด้วย ตอนอยู่ม.5 ก็ได้ไปแข่งขัน เป็นของจังหวัด แล้วก็ผ่านเข้ารอบประเทศ และสุดท้ายก็ผ่าน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งของระดับประเทศ หลังจากนั้นก็ได้ฝึกร้อง ฝึกเต้นมาเรื่อย

เพลงฉันจะฉาปเธอ ติดหูมาก ยอดวิวสิบกว่าล้านวิว และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

         ชอบทุกเพลงของวง Bamm เลยที่ได้ทำ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เพลงฉันจะฉาปเธอ คือติดหูจริง ๆ และมันทำให้เราเติบโตขึ้นอีกก้าวหนึ่ง ก้าวใหญ่ ๆ เลย เพราะก็เป็นเพลงที่ดังที่สุดแล้วของวง Bamm

         ก็รู้สึกดีที่คนให้ความสนใจ มันทำให้เราเห็นว่ามันเริ่มเห็นผลแล้วนะ กับเส้นทางที่เราพยายามมา แล้วเราก็อยากที่จะพัฒนาตนเองต่อไปอีกให้ทุกคนได้เห็นอีกว่า ทั้งตัวเราทั้งวง Bamm มีอะไรที่อยากให้ทุกคนเห็นมากกว่านี้ สนุกกว่านี้ มันส์กว่านี้ครับผม!

ความท้าทายของศิลปินหน้าใหม่

         การก้าวผ่านในช่วงที่ยังไม่ดัง คนยังไม่รู้จัก ทำให้รู้สึกว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ โลกของ Entertainment มันค่อนข้างแข่งขันกันสูงมาก เมื่อไหร่เราจะดัง เมื่อไหร่เราจะมีพื้นที่ มีแฟนคลับ มีคนรักเยอะ ๆ เพลงของพวกเราจะได้ทำงานสักที

         แค่สุดท้ายแล้ว รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้มันต้องใช้เวลา ความตั้งใจ อย่าพึ่งถอดใจ รู้สึกว่าถ้าเราทำมันต่อไปเรื่อย ๆ มันจะมีคนเห็นเราเอง แน่นอนว่าเรามีทีมงานที่คอยซัพพอร์ต คอยหางานมาให้ คิดคอนเทนต์ ทำคอนเทนต์ให้เราเพื่อให้คนเห็นเรามากขึ้น ก็แค่อย่าหยุดพยายามที่จะพัฒนาตนเองก็พอ 

เป้าหมายสูงสุดของการเป็นศิลปิน

         ถ้าให้ตอบตรง ๆ ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้เลย เพราะเรารู้สึกว่าเรายังสนุกกับทุกก้าวอยู่เลย รู้สึกมีความสุขกับในเส้นทางนี้ จะให้ตอบว่าให้อยากดังทะลุโลก ฐานแฟนคลับแน่นแบบนั้น ก็ยังตอบไม่ได้ มองว่ามันเป็นปัจจัยภายนอกมากกว่า

         เราตั้งใจทำมันอย่างจริงจัง สักวันหนึ่งของแบบนั้นมันก็จะเกิดขึ้นเอง แต่ว่าสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นเป้าหมายก็คือ ให้ตัวเองรักษาพลังงานที่ตัวเองชอบ สนุก ในการทำเพลง เพื่อให้คนดูรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้มาเจอเรา

ฝากข้อความแทนใจถึงชาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

         ขอบคุณทุกคนนะครับ ที่มองเห็นพวกเรา ไม่ว่าในฐานะไหนก็ตาม เปาในฐานะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือเปาวง Bamm เพื่อนเก่า หรือใครก็ตามที่รู้จัก ก็ขอบคุณที่เราได้รู้จักกัน

         ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน แล้วก็ชาว BU ทุกคน เราก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่อยากใช้ชีวิตของตัวเองให้มีความสุขที่สุด ได้ทำตามในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมากที่สุด อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตในแบบตนเองเชื่อเหมือนกัน เราคิดว่าชีวิตของทุกคนสามารถออกแบบเองได้จริง ๆ

         เราได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเลือก มันคือที่สุดแล้วของชีวิต ถือคติว่าใช้ชีวิตไปวัน ๆ คำนี้อาจจะดู Negative แต่คือการที่เราบอกตัวเองว่าให้อยู่กับปัจจุบันมากที่สุด

         ชอบตื่นมาแล้วบอกกับตัวเองว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง ปวดหลังหลังจัง มีความสุขจัง บางทีเราปล่อยตัวตามสัญชาตญานจนเกิน จนลืมตัวไปในเวลาหนึ่ง เราอาจจะปล่อยใจไปในอดีต อนาคต แต่สุดท้ายแล้วรู้สึกว่ามนุษย์อย่างเรามีแค่ความรู้สึกอยู่แค่กับปัจจุบันเท่านั้น ทุกคนเอนจอยกับปัจจุบันให้ได้มากที่สุด เพราะวันเวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆ อยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุดครับ

         ทุกถ้อยคำในบทสนทนาระหว่างเรากับเปา น่าจะสร้างพลังใจให้ทุกคนใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่ และคุ้มค่าที่สุด พวกเราเองก็เชื่อเช่นนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ เปาธีรภัทร ตรีวิมล รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Writer

รักแท้แพ้เนื้อย่าง ถ้าไม่มีคนข้าง ๆ ก็ย่างกินเอง

Writer

Every new day is another chance to change your life