ด้วยพรสวรรค์ด้านกีฬา บวกกับความมุ่งมั่น มีวินัย หมั่นฝึกซ้อมพัฒนาฝีมืออย่างสม่ำเสมอ ทำให้ พี่โบว์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกัปตันทีมบาสเกตบอลทีมชาติไทย แต่เส้นทางของสาวนักยัดห่วงไม่หยุดแค่ตรงนี้ ยังคงมีสนามแข่งขัน การเรียน และหน้าที่ซึ่งท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ
เราได้พูดคุยกับ พี่โบว์-สุภาวดี กุญชวน รุ่นพี่จากคณะบริหารธุรกิจ Master of Business Administration ปริญญาโท มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งบอกได้เลยว่าสิ่งที่เล่าออกมานั้น เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจมหาศาล
จุดเริ่มต้นของกีฬาบาสเกตบอล
เป็นเรื่องที่ตลกมาก ตอนนั้นพี่ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับคุณพ่อ พ่อพี่เป็นนักบาสเกตบอลทีมชาติ (พีระ กุญชวน – อดีตนักบาสเกตบอลทีมชาติไทย) และยังมีทีมเป็นของตัวเองอีกด้วย แล้วผู้เล่นสำคัญในทีมของคุณพ่อได้ย้ายออกไป เพราะได้ทุนการศึกษาจึงขาดผู้เล่นตำแหน่งนั้น ตอนนั้นพี่อายุ 16 ปี ก็เล่นเทควันโด แต่พ่อเห็นว่าพี่มีรูปร่างที่สูง พ่อเลยชวนให้มาช่วยทีม ลองมาฝึกมาเล่นแบบขำ ๆ พอพี่ได้ฝึกอย่างสม่ำเสมอมาเรื่อย ๆ ทำให้พี่รู้สึกชอบบาสเกตบอลขึ้นมา จึงเกิดแรงบันดาลใจว่าพี่อยากเก่งเหมือนคุณพ่อ เพราะคุณพ่อเป็นนักบาสเกตบอลทีมชาติไทย และเราอยากทำให้พ่อภูมิใจอีกด้วย
ม.กรุงเทพ แหล่งหล่อหลอมและส่งเสริมความฝัน
แรกเริ่ม พี่เห็นว่ามหาวิทยาลัยกรุงเทพมีทุนนักกีฬา จึงตัดสินใจลองเข้ามาคัดเลือก แล้วเราผ่านการคัดเลือก ทำให้ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของนักกีฬาทุน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
หลังเข้ามาเป็นนักบาสของมหาวิทยาลัย มีการซ้อมหนักมากขึ้น มีการแข่งขันเป็น Season คือเราคัดนักกีฬาไปแข่งช่วง พฤศจิกายน ถึง ธันวาคม จะมีการซ้อมก่อนหน้านั้นอีกประมาณ 4-5 เดือน และช่วงก่อนการแข่งขันอีก 2-3 เดือน ซ้อมเช้า-ซ้อมเย็น ส่วนเดือนสุดท้ายจะไปเก็บตัวที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ City Campus เราต้องนั่งรถบัสรับส่งวิทยาเขตหลัก (รังสิต) ไปซ้อมถึงกล้วยน้ำไท
ประสบการณ์ก่อนถึง ม.กรุงเทพ
เคยเป็นตัวแทนของจังหวัดมาก่อน พี่อยู่ในโครงการ สกอ. หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โครงการนี้เป็นอีกโครงการหนึ่งที่พัฒนานักกีฬาเยาวชนให้ไปสู่ทีมชาติในอนาคต ก็จะมีการซ้อมและเก็บตัวอยู่ตลอด ในช่วงนั้นพี่อยู่ปี 1 และได้ผ่านการคัดเลือกเป็นนักกีฬาทุนของมหาวิทยาลัยกรุงเทพแล้ว จึงมีการฝึกซ้อมที่โครงการ และฝึกซ้อมที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพด้วย ผ่านไปสักพักจึงติดทีมชาติ
บริหารเวลาให้เป็น เรียน+เล่น ควบคู่กันไป
สำหรับพี่เป็นคนที่รักการเรียนอยู่แล้ว เลยไม่ทิ้งเรื่องเรียน หลัก ๆ คือต้องมีความรับผิดชอบ โดยส่วนตัวพี่จะเขียน Schedule แบ่งตารางเวลาเป็นของตนเอง ว่าว่างเมื่อไหร่ต้องทำงาน ทำการบ้านให้เสร็จ ต้องเขียนไว้ว่าวันไหนต้องส่งงานอะไรบ้าง พยายามเคลียร์งานให้เสร็จก่อนล่วงหน้าเสมอ เพราะพี่รู้ว่าตนเองมีความรับผิดชอบเยอะ ทั้งฝึกซ้อม ต้องเดินทางไปแข่งทีมชาติหลายที่ ช่วงนั้นเป็นแบบนี้ตลอด คือมี Planner ส่วนตัวเขียนเอง
ด้วยความที่พี่มีพ่อแม่เป็นคนเข้มงวดมาก ๆ ต่อให้เป็นนักกีฬาทีมชาติแล้ว แต่แม่คอยกำชับพี่เสมอว่าอย่าทิ้งการเรียนเด็ดขาด และแม่พี่ได้บอกไว้ว่าถ้าเรื่องเรียนภาษาไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องเล่นบาสอีก พี่เลยไม่เคยตกในเรื่องของภาษา ส่วนพ่อพี่เป็นสายกีฬา นักกีฬาทีมชาติ จึงอยากให้ลูกสักคนติดทีมชาติด้วย เขาคอยซัพพอร์ตพี่เรื่องกีฬาบาสเกตบอลอย่างเต็มที่ พี่มีพี่สาวเป็นหมอฟันและเคยเล่นบาสมาก่อนด้วย แต่ด้วยความที่พี่สาวเป็นคนเรียนเก่ง เขาจึงสนใจการเรียนเป็นหลัก ส่วนพี่ต้องไปคู่กันทั้งเรื่องเรียนและกีฬา เราโชคดีที่ครอบครัวเป็นแบบนี้ เลยทำให้พี่มาถึงจุดนี้ได้
เคยท้อถึงขั้นลาออก
ความคิดอยากเลิกเล่นกีฬาบาสเกตบอลเกิดขึ้นมาบ่อยมาก ยิ่งช่วงที่ต้องซ้อมทีมชาติไปด้วยและเรียนไปด้วย ช่วงนั้นทำให้รู้สึกว่าไม่อยากเล่นบาสแล้ว จนคิดอยากออกจากทีมชาติไปเลย แต่เนื่องจากเราเป็นนักกีฬาทีมชาติ มักจะมีโอกาสต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตมากมาย เมื่อพี่คิดอยากเลิกเล่น พี่ก็ได้ทุนนักกีฬาไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกาอีก หลังจากจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี พ.ศ. 2558
พี่อาจจะเคยท้อ แต่พี่ได้รับโอกาสเข้ามาเรื่อย ๆ พอจบปริญญาตรีที่อเมริกา ก็กลับมาเรียนปริญญาโทและไปต่อ ทำให้พี่รู้สึกว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราต้องสู้ต่อ คิดเสมอว่า อีกนิดเดียว เราทำได้ และจะไม่ยอมแพ้
กำลังใจ คือพลังขับเคลื่อนทุกสิ่ง
พี่ได้กำลังใจจากอาจารย์หัวหน้าฝ่ายกิจกรรม และยังมีโค้ชส่วนตัวที่พาพี่ไปอเมริกา เขาคอยให้คำปรึกษาในหลายเรื่อง ทำให้พี่รู้สึกดีมาก ที่สำคัญคือพ่อแม่คอยสนับสนุนอยู่ตลอด
ด้วยความที่พี่เป็นกัปตันทีม จึงต้องเป็นผู้นำเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง ๆ หรือคนในทีมด้วย ต้องควบคุมอารมณ์ตนเอง และคนในทีมให้ได้ รวมไปถึงต้องคุมเกมในสนามให้ได้
พี่จะพูดกับทุกคนในทีมเสมอ ว่าทำให้เต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องทำให้สุดความสามารถ เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ให้คิดเสมอว่าทุกคนล้วนมีดีเป็นของตัวเอง เมื่อเราลงไปในสนามแข่ง เราไม่กดดันกันในทีม แต่คอยช่วยเหลือกันมากกว่า
แข่งขัน กดดัน ไม่หวั่นไหว
ช่วงที่กดดันมาก ๆ คือ ช่วงไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งล่าสุดกับทีมชาติ พวกเราหวังว่าจะได้เหรียญทอง แต่เจอทีมของประเทศฟิลิปปินส์มากดดัน เพราะว่าทีมนั้นเขามีผู้เล่นดี ส่วนทีมเรามีตัวผู้เล่นดีเหมือนกัน คือมีดีทั้งคู่ เราเลยกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีอย่างที่คิดไว้ จึงมีความกดดันเกิดขึ้น พี่จึงคิดกับตนเองตลอดว่าอย่ายอมแพ้ ทำให้เต็มที่ที่สุด (สุดท้ายเราแพ้ฟิลิปปินส์ และได้เหรียญเงิน)
คัมภีร์ของความสำเร็จ คือ ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
ทุกอย่างบนโลกเราต้องฝึกฝน เรื่องของกีฬาบาสเกตบอลพี่หมั่นฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา ต่อให้พี่อยู่ทีมชาติ ไปแข่งถึงต่างประเทศ หรือเก่งแค่ไหน พี่ว่าเรื่องการฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญ เราควรซ้อมทุกวันอย่างสม่ำเสมอเราถึงจะเก่งขึ้น สิ่งที่พี่ต้องการพัฒนา คือต้องการให้ตนเองมีทักษะที่ดีขึ้นในแต่ละจุดของตนเอง สมมุติว่าพี่ไม่เก่งเรื่องการเป็น Shooting Guard พี่จึงฝึกในส่วนนี้สม่ำเสมอ พยายามทำในสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราต้องใช้ทักษะนั้น อย่างกีฬาบาสเกตบอลเราต้องเล่นอะไร อย่างไร เราต้องฝึกทำสิ่งนั้นไปเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องเรียนพี่อยากเรียนให้เก่งขึ้นเหมือนกัน
ขณะที่เรื่องการบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติในกีฬาอยู่แล้ว บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ต้องปะทะกัน สำคัญตรงที่เราดูแลตนเองดีหรือไม่ ส่วนตัวพี่มีเจ็บเข่าบ้าง เพราะซ้อมหนัก กล้ามเนื้อเลยตึง เราจึงต้องรู้จักดูแลตนเองให้ดีที่สุด ยิ่งถ้าเรารู้ว่าเราเจ็บตรงไหนควรที่จะดูแลในส่วนนั้นให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เราจะได้ไม่มีอาการเจ็บอีก
เตรียมตัวก่อนลงชิงชัย
การเตรียมตัวของพี่หลัก ๆ ต้อง Warm Up ตัวเองก่อน คือทำให้ร่างกายของเราพร้อมลงสนาม ทั้งยืดเส้น ฝึกเลี้ยงบอล ถ้าการแข่งขันกดดัน พี่จะไปที่หน้ากระจกและพูดให้กำลังใจตัวเอง ทำให้ตัวเองผ่อนคลายด้วยการฟังเพลงเพื่อที่จะได้พร้อมลงแข่งในสนาม
เปลี่ยนคำดูถูก เป็นแรงผลักดัน
ผลงานที่พี่ประทับใจมากที่สุด คือพี่ได้ไปลงเล่นที่อเมริกา ช่วงที่พี่ได้ทุนนักกีฬาไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกา ช่วงแรกพี่โดนดูถูกอยู่บ่อย ๆ เพราะว่าเราเป็นคนเอเชีย โดนดูถูกมองว่าคงไม่เก่งหรอก เมื่อไหร่ที่จะต้องแบ่งทีม พี่จะเป็นคนถูกเลือกเข้าทีมเป็นคนสุดท้ายตลอด
ช่วงแรกพี่เคยยอมแพ้จนขอออกจากทีม แต่สุดท้ายพี่ได้กลับเข้าไปในทีมอีกครั้ง คนในทีมจึงมีความคิดว่าพี่กลับมาทำไม และมองว่าพี่ไม่รู้จักสู้ อ่อนแอ เขาเลยไม่ชอบพี่สักเท่าไหร่
จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่รู้สึกว่า “เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าเราก็เก่งนะ” พี่เลยกลับมาซ้อมอย่างหนัก แล้วพี่ไปแข่งแมตช์หนึ่ง แล้วแมตช์นั้นพี่เล่นอย่างเต็มที่ มีเท่าไหร่ใส่หมดเลย แล้วพี่ได้รับรางวัล หลังจากนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งเข้ามาบอกกับพี่ว่า เธอก็เล่นได้ดีนะ เอาใจกลับไปเลย
ปีนั้นพี่ทำงานหนักมาก ซ้อมหนักมาก ทำมากกว่าคนอื่น และได้รางวัลกลับมา ได้รางวัลนักกีฬาหน้าใหม่ยอดเยี่ยม รางวัลนักกีฬาดีเด่นในทีมทั้งหมด จึงทำให้พี่รู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอด แล้วได้ความสำเร็จนั้นกลับมา
ทุนเรียนต่อปริญญาเอก ประเทศมาเลเซีย
เป็นเรื่องที่บังเอิญมาก เรียกว่าดวงดีเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มี Manager ของทีมที่ประเทศมาเลเซียซื้อตัวพี่ไปเล่นให้กับทีมของเขา ในตอนนั้นพี่ได้เป็นตัวหลัก เมื่อเขาเห็นการเล่นของพี่ เขารู้สึกชอบวิธีการเล่นของเรา หลังจากนั้นจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับเขา และเกริ่นไปว่าจะจบปริญญาโทแล้วนะ และพอปีนี้เขามาบอกว่า มีทุนให้เราแล้วนะ แล้วถามเราว่าอยากมาเรียนไหม ได้ทุนปริญญาเอก ได้เล่นด้วย ได้ทำงานด้วยและยังได้เงินเดือนอีกด้วย พี่จึงคิดว่าเป็นโอกาสที่ดี พี่จึงตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาเอกที่มาเลเซีย แล้วเล่นบาสให้กับทีมของเขาด้วย
สาขาที่เรียนคือ Doctor of Philosophy Business and Management คือ ปริญญาเอก สาขาปรัชญาเกี่ยวกับบริหารธุรกิจ เพราะว่าพี่เรียนเกี่ยวกับด้าน Business มาตลอด ที่ผ่านมา ปริญญาตรีพี่เรียน Business Marketing และปริญญาโทเรียน Master of Business Administration
เตรียมตัวก่อนเดินทางไปมาเลเซีย
ส่วนใหญ่ คือต้องอ่านหนังสือเยอะมาก และมีการเตรียมร่างกายนิดหน่อย เพราะว่าพอไปถึงที่มาเลเซียต้องไปแข่งต่อเลย และพี่ได้รับหน้าที่เป็นอาจารย์อยู่ใน Business department แผนกวิจัย ไปเป็น Staff อยู่ในนั้น คอยให้คำปรึกษากับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย อีกอย่าง คือพี่เป็น Head Coach ของทีมผู้ชาย และพี่เล่นให้ทีมผู้หญิงด้วย สำหรับพี่รู้สึกว่าหนักนะ เหนื่อยด้วย แต่ คือชีวิตพี่เป็นแบบนี้ ถ้าเรียนก็ต้องเล่นควบคู่กันมาตลอดอยู่แล้ว
อาชีพในอนาคตข้างหน้า
อนาคตข้างหน้าที่พี่รู้ตอนนี้ คือถ้าพี่จบปริญญาเอก ถ้ากลับมาอาจจะเป็น Professor แน่นอน คือเป็นอาจารย์เกี่ยวกับ Business Management โดยนำความรู้ที่มีที่ได้ไปเล่นต่างประเทศมาเปิด Academy เป็นของตัวเอง หรืออาจจะเป็น Head Coach ของสักทีมหนึ่ง ไม่ในประเทศไทยหรือไม่ก็ต่างประเทศ แต่ทุกวันนี้พี่พยายามผลักดันตัวเองให้ไปเล่นต่างประเทศเยอะ ๆ เพื่อจะได้เก็บประสบการณ์ให้มากขึ้น
อยากเป็นต้นแบบ ต้องมีคนต้นแบบ
โดยส่วนตัวพี่ไม่ได้ดู National Basketball Association (NBA) แต่ล่าสุดเจอข่าวนักกีฬาระดับตำนานอย่าง Kobe Bryan เสียชีวิต พอพี่ไปไล่อ่านประวัติของเขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมาก พี่คิดว่าเขาเป็นนักบาสเกตบอลที่สุดยอด คือเขาเป็นทั้งแรงบันดาลใจให้คนอื่น ทำประโยชน์ให้สังคม เล่นบาสเก่ง เราก็อยากเป็นแบบนั้น
โอกาสมาต้องคว้าเอาไว้
พี่ว่าทุกคนมีดีต่างกัน ขอแค่อย่ายอมแพ้ อย่างพี่เล่นบาสเกตบอล ยังพยายามทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด แล้วผลตอบรับที่ตามมา คือพี่ได้รับโอกาสมากมายในชีวิต แค่พยายามอย่ายอมแพ้ ทำต่อไปในสิ่งที่เราชอบ อยากให้คนที่กำลังอ่านอยู่ “ไม่ว่าเราจะชอบอะไร ชอบถ่ายภาพ ชอบเต้น หรืออะไรอีกหลายอย่าง พี่ขอให้ทำไปเรื่อย ๆ เถอะ เดี๋ยวมันจะมีโอกาสเข้ามาให้เราได้คว้าไว้เอง”
กีฬา คือครูชีวิตที่ให้บทเรียนมากมาย และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ต้องรอโชค เพราะเราสามารถสร้างโชคดีให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง บางคนดูเป็นคนโชคดีกว่าคนอื่น หยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด เป็นเพราะเขาหมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ขยันฝึกซ้อม และวิ่งเข้าหาโอกาสตลอดเวลา ถ้าทำได้แบบนี้โชคดีก็จะอยู่ข้างเดียวกับคุณ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ พี่โบว์-สุภาวดี กุญชวน รุ่นพี่จากคณะบริหารธุรกิจ Master of Business Administration ปริญญาโท มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ BU Sport for All