กลุ่มแกนนำสโมสรนักศึกษาม.กรุงเทพ บอกเล่าประสบการณ์ การทำงานคือการเรียนรู้

คุยกับ 3 แกนนำผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จงาน Welcome to BU 2019

            แม้งาน Welcome to BU 2019 คอนเสิร์ตต้อนรับเฟรชชี่ จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เชื่อว่าชาวบียูทุกคน โดยเฉพาะน้องปี 1 จะยังคงจำความประทับใจที่เกิดขึ้นในคืนนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะมีคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำแล้ว ยังมีโชว์สุดพิเศษของชมรมต่าง ๆ และคณาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพมาร่วมสร้างความบันเทิงด้วย

            งานที่สำเร็จออกมาราวกับจัดโดยออร์แกไนเซอร์มืออาชีพนั้น มีผู้อยู่เบื้องหลังคือ ทีมสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่เคี่ยวกรำทำงานกันอย่างสุดฝีมือ แต่ท่ามกลางเสียงชื่นชมและความสนุกสนาน รู้หรือไม่ว่าเธอและเขาเหล่านี้ต้องก้าวข้ามอุปสรรค ความเหนื่อยล้า และคราบน้ำตากันมาอย่างไร

มิ้น - ปนัดดา สกุลพิพัฒน์

            นายกสโมฯ มิ้น-ปนัดดา สกุลพิพัฒน์ ชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว จึงคล้องแขน 2 หนุ่มจากคณะนิเทศศาสตร์ ต้น-ปฏิภาณ ยุวนะวณิช ชั้นปีที่ 4 ตำแหน่งประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ และ ลีวาย-นครินทร์ โคตรศรี ชั้นปีที่ 2 อุปนายกคนที่ 1 มาเป็นตัวแทนเล่าถึงสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จากงานนี้กัน

เรียนรู้ที่จะคิดและรับฟังเสียงส่วนใหญ่

ต้น - ปฏิภาณ ยุวนะวณิช
ลีวาย-นครินทร์ โคตรศรี

            ทั้งสามบอกว่า ทีมงานชุดปัจจุบันทั้ง 11 คนเข้ามารับบทบาทในสโมฯ กันเป็นครั้งแรก และงาน Welcome to BU 2019 ก็เป็นงานใหญ่ครั้งแรกของพวกเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมเจอปัญหามากมาย อย่างแรกเลยคือการคิดธีมงาน

            “พวกเราเคยผ่านงานปฐมนิเทศมา ซึ่งถือเป็นน้ำจิ้ม พอมางานนี้เราก็ได้รับโจทย์ว่าต้องจัดคอนเสิร์ต มีโชว์ของชมรม รวมทั้งแฟชั่นโชว์ของอาจารย์ ภายใต้ธีม Circular Living ที่เกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะทางมหาวิทยาลัยกำลังมุ่งเน้นเรื่องนี้ เราจึงระดมไอเดียกันโดยดูต้นแบบมาจากปีก่อนที่รุ่นพี่ทำไว้ แล้วนำมามาปรับใช้ให้เข้ากับเทรนด์และยุคสมัย จากนั้นให้คณะต่าง ๆ เสนอโชว์มา แล้วเลือกอันที่ตอบโจทย์กับธีมงาน

            ในขณะเดียวกันโชว์นั้นก็ต้องแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของเด็กบียูให้มากที่สุด นั่นคือ สบาย ๆ ชิล ๆ เป็นตัวของตัวเอง มีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน เราใส่ใจทุกรายละเอียดมาก แม้แต่ของที่ระลึกที่เป็นถุงผ้า เราก็ทำรีเสิร์ชและทำโพลก่อน เพื่อให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ ช่วยกันโหวตเลือกแบบ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับงานมากขึ้นมากกว่านั่งดูเฉย ๆ”

เรียนรู้ที่จะรับความกดดัน

            ไม่แปลกเลยที่ทีมงานจะต้องแบกรับความกดดันไว้มากมาย เพราะพี่ ๆ รุ่นก่อน ๆ เคยจัดงานต้อนรับเฟรชชี่ไว้อย่างน่าประทับใจ แต่ความกดดันก็กลายเป็นแรงผลักดันให้พวกเขารังสรรค์งานออกมาอย่างเต็มความสามารถมากที่สุด

            “ถามว่าเครียดไหม กดดันไหม ก็ต้องมีแน่นอน เพราะพวกเราก็เคยร่วมงาน Welcome กันมาทุกปี เราเห็นรุ่นพี่จัดกันอย่างอลังการมาโดยตลอด พอมาเป็นสโมฯ เองก็เลยกดดันทั้งตัวเอง กังวลทีมงาน ว่าเราจะทำได้เหมือนพี่ ๆ ไหม โชคดีว่าทีมงานบางคนเคยจัดคอนเสิร์ตกันมาบ้างแล้ว และมีการแบ่งฝ่ายแบ่งส่วนชัดเจน นอกจากนี้ยังมีอาจารย์มาช่วยเหลือให้คำแนะนำ แต่หลักเลยคือ พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ทำงานใหญ่กันเป็นครั้งแรกมากกว่า”

เรียนรู้ที่จะรับมือกับปัญหา

            มิ้น นายกสโมฯ ของเราเล่าว่า ระหว่างทางพบเจอเหตุไม่คาดฝันจนน้ำตาแทบร่วง แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ต้องก้าวข้ามอุปสรรคและปัญหานั้นไปให้ได้ด้วยการมี “สติ”

            “มิ้นประสานงานกับสปอนเซอร์รายหนึ่ง ถึงขั้นนัดหมายจะเซ็นสัญญากันแล้วในวันรุ่งขึ้น แต่ตอนเย็นวันนั้นเขาโทร.มายกเลิกการเป็นสปอนเซอร์ ตอนนั้นช็อกมาก น้ำตาคลอ—พรุ่งนี้จะเซ็นสัญญาแล้วนะ—แต่เรามีเวลาให้เสียใจได้ไม่นาน จึงรีบแจ้งฝ่ายต่าง ๆ ว่า—มีการเปลี่ยนแปลงนะ แต่ไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่—พอตอนเช้าก็รีบติดต่อหาสปอนเซอร์ใหม่ โชคดีว่าเขาตอบตกลงภายในครึ่งชั่วโมง

            คิดว่าที่มิ้นผ่านมาได้คือสติอย่างเดียวเลย เพราะพอมีสติ ทำให้เราได้มานั่งนึกดี ๆ ว่าไม่เป็นไร แล้วมูฟออนต่อไป ซึ่งการดีลกับคนข้างนอกที่เป็นระดับโปรเฟชชั่นแนลและการเจอปัญหาที่เล่านั้น ทำให้เราเรียนรู้ว่า เราต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง ต้องแม่นยำในส่วนของเรา ไม่ใช่นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน คำพูดทุกอย่างต้องมีหลักฐาน และเราต้องรับผิดชอบคำพูดของเราด้วยค่ะ”

            ทางด้านต้นก็เคยเจอปัญหาเช่นกัน ซึ่งวิธีแก้ปัญหาของต้นคือ เอาตัวเองออกจากปัญหาด้วยการพักสักครู่ จะทำให้มีกำลังใจมาทำต่อ เพราะถ้ามีปัญหาแล้วยังดันทุรังจะคิดให้ออก จะยิ่งคิดไม่ออก ต่างจากลีวายที่พอมีปัญหาปุ๊บ จะวิ่งใส่ปัญหาทันที เพราะเขาเชื่อว่าถ้าเว้นว่าง การทำงานจะไม่เดิน

            การแก้ปัญหาที่แตกต่างกันของแต่ละคนไม่มีมาตรวัดว่าแบบไหนถูกหรือผิด ทว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เรียนรู้และยอมรับแนวคิดที่แตกต่างกัน

เรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์

            การทำงานต้องเตรียมพร้อมรับปัญหา โดยมีแผน A และแผน B แต่สิ่งที่สำคัญกว่าแผน ก็คือการบริหารจัดการกับอารมณ์ตัวเองเมื่อเจอปัญหามากกว่า

            “การทำงานย่อมมีติดขัดบ้างเมื่อไม่เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ จนอาจเกิดอารมณ์หงุดหงิดกันบ้างในแต่ละฝ่าย แต่โชคดีที่เราแจกแจงรายละเอียดหน้าที่กันชัดเจน ทุกฝ่ายต่างมี Head ของตัวเอง และทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี มิ้นจะบอกทุกคนว่า ถ้าสมมติตัดสินใจได้ ให้ตัดสินใจไปเลย แต่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกคนต้องได้รับทราบ”

            “ปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเวลาที่กระชั้นชิดมาก และพวกเราเป็นมือใหม่ทั้งหมด ดีที่มีทีมที่ช่วยซัพพอร์ต เราจึงเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราเรียนจากเขา เขาเรียนจากเรา ไม่ใช่สั่งงานอย่างเดียว เราทำงานเป็นทีม เราจึงให้โอกาสทุกคนได้แสดงความคิดเห็น แล้วมาดูว่าตรงกลางคืออะไร อาจมีตีกันบ้าง มีโมโห หรือขัดแย้งกันบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนไม่ทะเลาะกันใหญ่โต เพราะพวกเราทุกคนฝึกฝนการควบคุมอารมณ์และสติของตัวเองได้ โดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกันที่ว่า ทำงานอย่างไรให้สำเร็จมากกว่าค่ะ”

            และแม้เส้นทางจะขรุขระบ้างในบางช่วงตอน แต่เมื่องานผ่านพ้นไปแล้ว ปลายทางคือความภาคภูมิใจที่ทำงานใหญ่ได้สำเร็จ และยิ่งได้เห็นผลตอบรับที่เป็นรูปธรรม ทั้งสามยิ่งรู้สึกปลื้มใจ

            “งานนี้เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมาก เพราะได้เสียงตอบรับดีมาก ไม่คิดว่าคนจะมาเยอะขนาดนี้ ตอนบ่ายสามก็เริ่มมีน้องมาออเต็ม Diamond Hall แล้ว พอถึงเวลาจริง คนก็เต็มฮอลล์มากจนแฟชั่นโชว์ซึ่งมีเลนของมัน จำเป็นต้องกระชับพื้นที่เข้ามาเพื่อให้น้องเข้างานได้เยอะขึ้น”

            “พอวันรุ่งขึ้นได้เห็นน้องใช้กระเป๋าผ้าที่เราแจก ก็รู้สึกประทับใจและชื่นใจ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เพราะการที่น้องใช้ของที่เราให้ไป แสดงว่าเขาตอบรับสิ่งที่เราต้องการสื่อให้น้อง ทำให้พวกเรารู้สึกภูมิใจในทีมของตัวเอง ทุกคนในสโมฯ รวมทั้งทุกคนที่มีส่วนร่วมและอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือ”

            อีกสิ่งหนึ่งที่มิ้น ต้น และลีวาย ได้เรียนรู้ก็คือ ความรักความผูกผันที่เกิดจากการทำงานร่วมกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยยึดโยงทุกคนเข้าหากัน สนิทกัน และรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นต่างหาก

Writer & Photographer

BU CONNECT x Lifelong Learning Center Bangkok University สนุกกับการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด รอบรั้วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ