ฟังทางนี้ รุ่นพี่ขอเปิดใจ เล่าความหลังครั้งเคยมา Open House มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

            เปิดรั้วบ้านหลังใหญ่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาฟังรุ่นพี่เค้าเล่ากันว่า ปีนั้นที่เคยมางาน Open House มีอะไรสนุกกันบ้าง ตามมาฟังกันน้า-า-า

ความสนุก มิตรภาพ และการลงมือทำ

            พอก้าวเท้าลงจากรถราง เสียงกลองรัว ๆ จากรุ่นพี่ที่รอรับน้องมัธยมจากทั่วประเทศ บริเวณหน้าตึกคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำให้เด็กสาวชาวใต้ ตากลม ผิวสีเข้ม จากสงขลา อย่าง พี่หนูเนย์-ศศิประภา หนูคง ได้สัมผัสสีสันและบรรยากาศของงานเปิดรั้ว ที่คึกคักที่สุดก็ว่าได้

            พี่หนูเนย์เผยความในใจให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักงาน Open House ของ ม.กรุงเทพเลย แต่มีอาจารย์แนะแนวได้แนะนำให้ลองมางาน Open House ที่ว่านี้

            “การมางาน Open House ทำให้พี่ได้มีโอกาสเห็นการทำงานของคณะหรือว่าสาขาที่เราชอบก่อนที่เราจะมาเรียนจริง มันช่วยประกอบการตัดสินใจของเราได้เลย”

            “คณะที่พี่สนใจอันดับแรก คือ คณะนิเทศศาสตร์ เราอยากเรียนรู้อยู่แล้ว พี่ก็พุ่งตัวไปที่คณะนี้ก่อนเลย การจัดงานในปีนั้น ต้องบอกว่า อลังการ รุ่นพี่ให้การต้อนรับดูแลดีมาก ชวนคุย ชวนทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นสาขา ภาควิชาต่าง ๆ เราจำได้ว่าประทับใจมาก วันนั้น ก็เลยตระเวนไปดูทุกคณะ บอกได้เลยว่า ทุกคณะน่าสนใจ และมีสไตล์เป็นของตัวเอง”

            ส่วนที่ชอบที่สุดในงานของพี่หนูเนย์คือได้ไปชมสตูดิโอการทำงานของนักศึกษาภาควิชาบรอดแคสต์ติ้งและวารสารศาสตร์ดิจิทัล

            “ในสตูดิโอนี้ เขาจำลองเบื้องหลังการทำงานโทรทัศน์ ที่มีหลายส่วน เช่น โปรดิวเซอร์ งานสเตจ คนเขียนบท พิธีกร นักข่าว ยิ่งสถานที่เป็นสตูดิโอ แล้วมีกรีนสกรีน มันดึงดูดเรามาก ๆ เราเคยเห็นแต่ในทีวี แต่ตอนนี้เราได้เห็นของจริง แล้วยังได้เห็นเบื้องหลังการทำงานกราฟฟิคจริง ๆ ด้วย เราจึงสนุกกับการใช้เวลาที่นี่มาก ๆ”

            การมางาน Open House ทำให้ได้เพื่อน ได้รู้จักรุ่นพี่มากมาย จนกระทั่งได้มาเรียนที่นี่ก็ยังรู้สึกสนุกกับงานที่ทำ “เราได้ทำงานหลายอย่างมาก งานพิธีกรของมหาวิทยาลัยและงานของคณะ อาจารย์และรุ่นพี่ที่นี่ก็ดูแลเราอย่างดีจริง ๆ” พี่หนูเนย์ตอบด้วยสำเนียงแบบสาวใต้ ปนรอยยิ้มกันเอง

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบภาควิชาบรอดแคสต์ติ้งและวารสารศาสตร์ดิจิทัล
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

เปิดโอกาสให้เรามาหาค้นหาตัวเอง

            เชื่อไหมว่าพี่คนนี้เค้ามางาน Open House 3 ปีติดต่อกัน พี่ทิว-ธนธรรศ คุ้มสว่าง หนุ่มติส จากคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์

            การมีความใฝ่ฝันที่จะเรียนด้านภาพยนตร์อยู่แล้ว พี่ทิวจึงรู้จักมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ด้วยการค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ท และเข้ามางาน Open House ก่อนที่จะตัดสินใจสมัครเรียนฟิล์ม “ต้องบอกก่อนว่า ผมค้นเจอตัวเองมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การที่มาที่นี่ มันทำให้เราตอกย้ำตัวเรามากขึ้น ว่า เราชอบมันจริง ๆ ใช่ไหม แล้วมันทำให้เรารู้สึกว่า มางานนี้ทุกครั้ง ก็ได้เติมไฟกลับไป..แบบว่า เฮ้ย…เขามีของใหม่ ๆ มาอวดให้เราดูทุกปี”

            การเป็นแฟนพันธุ์งาน Open House ของพี่ทิวจะจริงจังในการเข้าไปชมงาน เก็บรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคณะใด สาขาใดก็ตาม ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเข้าไปใกล้ชิดกับสาขาที่ตัวเองอยากเรียนจริง ๆ ทำให้รู้ว่าความชอบของเราคืออะไร “ผมเป็นคนที่มีพอยท์ชัดเจนอยู่แล้ว คือ ถ้าตั้งใจแล้ว จะต้องไปให้ถึง คือ การมางาน Open House มันไม่ได้มาแค่ให้เราค้นหาตัวตน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเราได้เข้าไปลองสิ่งใหม่ ๆ ที่หลากหลายด้วย”

            งาน Open House ครั้งนั้นคือโอกาสการเรียนรู้ของ “พี่ทิว” มันไม่ได้เป็นโอกาสที่มาจากคนอื่น ๆ แต่เป็นโอกาสที่ “พี่ทิว” สร้างและตัดสินใจด้วยตนเอง ฟังแบบนี้แล้ว อืม…เท่ฝุด ๆ ไปเลย

Workshop กับรุ่นพี่ คือ จุดเปลี่ยนในชีวิต

            การได้ทำกิจกรรม Workshop กับรุ่นพี่ที่ Open House BU ทำให้ พี่เจได-อนาคีน ราชภักดี หนุ่มจากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม พบเส้นทางเดินในชีวิตที่แม้แต่ตัวของพี่เค้า ก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ตัวเองก็มีความสนใจงานด้านนี้

            “ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้ไปงาน Open House ที่ไหนเลย” พี่เจไดเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา แต่ว่าที่มา Open House ที่ ม.กรุงเทพ เพราะว่า มีการแนะแนวจากรุ่นพี่ ม.กรุงเทพ “พี่เขามาแนะแนวที่โรงเรียน เราเลยเห็นว่า เออ มหาลัยนี้ น่าสนใจดี มีอะไรใหม่มากมาย แตกต่างหลากหลายจากมหาลัยอื่น ๆ ก็เลยสนใจที่จะมาครับ”

            เอาจริง ๆ พี่เจไดบอกกับว่า “ตอนแรกสนใจอีกคณะนึง แต่พอได้มาดูที่งาน Open House ที่ม.กรุงเทพ เราก็เหมือนได้มาเวิร์คช้อปเล็ก ๆ หรือทำกิจกรรมไปกับรุ่นพี่ที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนว่า เฮ้ย..เทคโนโลยีของที่นี่ ก็ไม่แพ้ที่อื่น ๆ ก็เลยเลือกที่จะเข้าคณะเทคโนโลยีสารสนเทศครับ”

            การมีความชอบทางเทคโนโลยีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และได้มาเวิร์คช้อปกับรุ่นพี่ ทำให้เห็นว่า เทคโนโลยีมีความสนุกมากมาย “เทคโนโลยีมันก็น่าสนุก ซึ่งเราก็มีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีอยู่ก็เลยคิดว่าถ้ามาเรียนที่นี่น่าจะได้อะไรใหม่ ๆ น่าจะเป็นผลดีกับเราด้วย เพราะว่าในอนาคตเทคโนโลยีหน้าจะเป็นอะไรที่ไปได้ไกลเหมือนกัน”

            รุ่นพี่น่ารักต้องบอกต่อ คือ สิ่งที่พี่ทิวประทับใจ “รุ่นพี่ที่พาเราทัวร์ พาเราทำกิจกรรมในมหาลัย รุ่นพี่เป็นมิตรกับเรามาก แล้วก็ได้ทำกิจกรรม ได้คิดสร้างสรรค์” ดูรวม ๆ แล้วรุ่นพี่มีเสน่ห์ อีกหนึ่งสิ่งดี ๆ ที่งาน Open House จ้า

อนาคตออกแบบได้

            ขอแนะนำสายเด็กอาร์ต เราขอพามาทำความรู้จักกับ พี่เซน-รณิษฐา นิยมชน รุ่นพี่คณะ สิน-กำ หรือ คณะศิลปกรรมศาสตร์ ผู้ก้าวเท้ามางาน Open House ที่ ม.กรุงเทพ ด้วยความมุ่งมั่น “พี่เซน” บอกว่า

            “พอมาถึงคิวที่ต้องมา Open House ของที่ ม.กรุงเทพ เราจำได้ว่า เราไม่สนใจอย่างอื่นเลยตอนนั้น คิดแค่ว่าคณะศิลปกรรมศาสตร์อยู่ตรงไหน พอมาถึงก็ประทับใจมาก ตั้งแต่พวกพี่ ๆ ที่มาต้อนรับ พวกเขาน่ารักมาก พาเราไปเดินดูในตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์”

            ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของพี่เซนคือการตั้งใจฟังการแนะนำหลักสูตรของรุ่นพี่ “เวลาที่เรารอคอย คือ การพูดถึงหลักสูตรและรูปแบบการเรียนการสอน บอกเลยว่าหลังจากฟังเสร็จรู้สึกเหมือนเริ่มเจอตัวเองละว่า เราควรจะมาทางไหน”

            “ด้วยหลักสูตรและรูปแบบการเรียนของที่นี่ในปีนั้น เป็นหลักสูตรใหม่โดยจะใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า เป็นการสอนแบบประยุกต์ระหว่างการวาดภาพผ่านคอมพิวเตอร์กับมือของเราที่ปกติวาดแต่ในกระดาษให้เข้ากับการทำงานสมัยใหม่ เราว่ามันดูทันสมัยกับโลกปัจจุบันที่ต้องทำงานคู่กับเทคโนโลยี”

            ความล้ำเทคโนโลยีที่พี่เซนได้สัมผัสในตอนนั้น และการแนะนำจากรุ่นพี่ในงาน Open House เป็นจุดเริ่มต้นที่พาให้พี่เซนกลายเป็นนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์อย่างเต็มตัว ความประทับใจที่มีต่องาน Open House ก็ยังเอามาเล่าได้ไม่รู้จบ

            “ถ้าเอาที่สุดของที่สุด ก็คงเป็นพวกรุ่นพี่ที่มาคอยแนะนำ และดูแลเราตลอดงาน ในส่วนของข้อมูลเรื่องหลักสูตรและรูปแบบการเรียน พวกเขาอธิบายได้ละเอียด และพูดถึงความเป็นไปได้ของอนาคตนักศึกษาที่มาเรียนค่อนข้างเห็นภาพ บอกถึงความยากง่าย เรารู้สึกตกหลุมรักพวกพี่เขา พอเรามาคิดถึงตัวเองว่าถ้าวันหนึ่งต้องมาเป็นรุ่นพี่ จะทำอย่างไรให้น้องรักนะ คงเหนื่อยมากแน่เลย” พี่เซนตอบพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย

            ฟังบรรดารุ่นพี่ BU เขาเปิดใจกันแล้ว อย่ารอช้างาน Open House ปีนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว มาร่วมไขรหัส ค้นพบตัวเอง และเปิดโลกแห่งอนาคตด้วยกัน