เปิดโลกความงามของมุก-ศิริพรรณ การเรียนรู้จากเวทีนางนพมาศ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

คุณค่าความงามและความหมายการใช้ชีวิตของนางนพมาศ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

         ความงามอย่างมีคุณค่า คือความงามที่ผ่านการเรียนรู้ เติบโต และมีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิต เมื่อกล่าวเวทีการประกวดนางนพมาศ เวทีความงามแบบไทยที่ควบคู่มากับงานลอยกระทงประจำปี ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี การจัดประกวดนางนพมาศในปีนี้เปิดรับผู้สมัครทุกคณะ ทุกชั้นปี โดยเวทีนี้ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพบนเวที และแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่

         ผู้ชนะการประกวดนางนพมาศ 2565 คือ มุก-ศิริพรรณ ศิริประทุม รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เธอแสดงความสามารถ การตอบคำถามที่โดดเด่นบนเวที จนสะกดทุกสายตาของผู้ชม และครองใจทุกคนในค่ำคืนลอยกระทงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เรื่องราวของนางนพมาศ

         หากพูดถึงนางนพมาศแล้ว ผู้คนคงนึกถึงหน้าตาที่งดงาม ความเรียบร้อยอ่อนช้อย ความรู้ที่ฉลาดหลักแหลม ไหวพริบปฏิภาณและความสามารถพิเศษที่ได้แสดงบนเวที ซึ่งคุณมุกก็มีครบทุกคุณสมบัติเหล่านั้น หากได้พูดคุยกับคุณมุกแล้ว จะรู้ได้ว่าเรื่องราวและทัศนคติของนางนพมาศคนนี้ ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมาย

         ตั้งแต่เด็ก มุกเดินสายประกวดมาเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นการประกวด Young Model 2015 ซึ่งก็ได้เข้ารอบ 24 คน การประกวด Miss Teen 2019 หรือจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะนิเทศศาสตร์ รุ่นที่ 50 พิธีกรภาคสนามของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ Miss Tourism ฉะเชิงเทราปี 2021 และยังได้มาเป็นนางนพมาศของมหาวิทยาลัยกรุงเทพในปี 2565 รวมถึงการเป็นทูตศิลปวัฒนธรรมและได้เป็นขวัญใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ

         “จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเหล่านี้ เกิดขึ้นเมื่อมุกเรียนอยู่ชั้น ป.1 คุณครูประจำชั้นเห็นแวว และเอ็นดูมุกเลยให้ไปประกวดหนูน้อยสงกรานต์ แต่ตอนนั้นมุกขึ้นไปร้องไห้อย่างเดียว เพราะเป็นเวทีแรก และมุกทำอะไรไม่ถูกเลย”

         แม้ว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นเล็ก ๆ และไม่สวยงามเท่าไร แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีผู้ใหญ่เห็นแววมุกจึงได้ไปประกวดเวทีที่หลากหลาย และได้รางวัลชนะเลิศกลับมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยังเด็ก และรางวัลชนะเลิศในครั้งนั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในตัวคุณมุกไปตลอดกาล

         “หลังจากที่มุกชนะเวทีแรกแล้ว ก็มีความรู้สึกว่าอยากจะไปต่อ จึงได้ขอให้พ่อแม่ช่วยหาเวทีประกวดให้ ตั้งแต่เด็ก ช่วงนั้นมุกเรียนอยู่ชั้น ป.4-ป.5 หลังจากนั้นก็มีพี่เลี้ยงนางงามให้ลงประกวดนางนพมาศและนางสงกรานต์ มีทั้งที่ชนะ และพ่ายแพ้ แต่ทุกครั้งที่มุกชนะ นั่นคือแรงใจและความรู้สึกดีที่คอยผลักดันให้ไปต่อ”

         เธอนิยามตัวเองว่า เล็กพริกขี้หนู เพราะเป็นคนที่แม้จะตัวเล็ก แต่เมื่อได้ลงมือทำอะไรแล้ว ก็จะทำให้สุดมุกชอบทำอะไรที่ยิ่งใหญ่และทุกการกระทำนั้น ก็จะทำไปด้วยความตั้งใจ เพราะความเต็มที่เหล่านี้ ทำให้ไม่ว่าจะชนะหรือจะแพ้ในเวทีใด ก็จะถือว่า เราได้ทำมันอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนข้อผิดพลาดก็เก็บเอาไว้เป็นประสบการณ์และเรียนรู้ เพื่อช่วยพัฒนาให้วันพรุ่งนี้ทำได้ดีมากกว่าเดิม

         “เวทีที่ทำให้รู้สึกประทับใจที่สุด คือการประกวด Miss Teen 2019 เพราะได้ไปสมัครที่เวทีนี้มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้เข้ารอบสักที จนกระทั่งปี 2019 มุกก็ได้เข้ารอบ สมกับทุกความพยายามและความตั้งใจที่ผ่านมา”

         “จำได้ว่าตอนนั้นมุกรู้สึกดีใจมากจนน้ำตาไหล ทางกองประกวดก็พาไปเก็บตัวที่ภูเก็ต ประมาณห้าวัน แล้วกลับมาเก็บตัวที่กรุงเทพต่ออีกสองวัน แต่ระยะเวลาเจ็ดวันนั้น เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมายที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก ต้องซ้อมเต้นถึงเที่ยงคืนทุกวัน ต้องทำกิจกรรม เช่น ถ่ายภาพ ซ้อมเต้น ซ้อมเดินแบบ แล้วทางกองประกวดก็พาไปเที่ยวด้วย มันเป็นความรู้สึกที่เหนื่อย แต่กลับเป็นความเหนื่อยที่ทำให้สนุก นอกจากนั้น มุกยังได้มิตรภาพกลับมาเยอะมาก สิ่งที่สำคัญกว่าความรู้สึกเหนื่อยคือ ประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เรียกว่าคุ้มค่า จนคำว่าเหนื่อยนั้นฟังดูเบาไปเลย“

ความงามกับความฉลาด

         ใครหลายคนมักพูดกันว่า ความสวยกับความฉลาดไปด้วยกันไม่ได้ แต่มุกรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ “ไม่จริง” ถ้าจะบอกว่า หน้าตานั้นอาจจะมีการศัลยกรรม หรือการพัฒนาตัวเองให้ตัวเรานั้นดูดีขึ้นได้ ก็เช่นเดียวกันกับความฉลาด เราสามารถที่จะเรียนรู้หนังสือได้ สามารถฝึกฝนหาข้อมูลความรู้เพิ่มเติม จากทั้งในและนอกห้องเรียน และสามารถฝึกไหวพริบปฏิภาณ เพื่อพัฒนาตัวเอง ความสวยและความฉลาดนั้น จึงเป็นสิ่งที่สามารถไปด้วยกันได้

         “มุกว่าแก่นแท้ของความเป็นคน ไม่ได้ตัดสินกันที่หน้าตา อาจจะตัดสินกันที่จิตใจ หรืออะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่การมองเพียงผิวเผิน”

         ถ้าหากวันหนึ่งเวทีประกวดไม่ได้เอา Beauty Standard มาเป็นตัวตัดสินความงามกันแล้วมุกก็รู้สึกว่ามันคงเป็นเรื่องที่ดี และยังคงจะเดินสายประกวดต่อไป เพราะจุดสำคัญจริง ๆ ไม่ใช่หน้าตา แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น

         “มุกไม่ได้ประกวดเพราะเรามีหน้าตาที่ดีกว่าคนอื่น มุกไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ที่มุกประกวด เพราะความชอบ มันเป็นเหมือนกับงานอดิเรก เป็นสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกสบายใจ มุกเชื่อว่านอกเหนือจากหน้าตา เรามีความสามารถและมีศักยภาพที่อยากจะแสดงให้ทุกคนเห็น”

นางนพมาศของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ 2565

         มุกเล่าว่าตั้งแต่ไปสมัครนางนพมาศของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็มีความรู้สึกกลัว และกังวลมาโดยตลอดว่า Energy ของตัวเราจะสู้กับเพื่อนคนอื่นได้ไหม แต่ก็ลองไปสมัครดู จนกระทั่งเข้ารอบการคัดเลือกให้เหลือ 20 คน หลังจากนั้น มุก ก็ได้ไป Workshop และทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนคนอื่น ได้แลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีการสอนเดิน มีการฝึกพูด และสิ่งที่มุกคิดว่า สำคัญที่สุดในการประกวดนางนพมาศของมหาวิทยาลัยในปีนี้ คือ มิตรภาพ

         เธอเล่าว่าเพื่อนทั้ง 20 คนนั้น ต่างรู้จักและสนิทกันหมดเลยจากการประกวด จนกระทั่งได้เข้ารอบ 8 คน สุดท้าย แม้เริ่มแรกมุกจะคิดว่าตัวเองคงไม่เข้ารอบตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายก็ได้เข้ารอบจริง มันเป็นทั้งความรู้สึกที่กดดัน ตื่นเต้นและท้าทายในเวลาเดียวกัน

         “รู้ตัวว่าเราเป็นคนที่ตอบคำถามไม่เก่ง แต่ตอนนั้นมุกก็เตรียมคำตอบอย่างเต็มที่ ได้ฝึกฝนอย่างเต็มที่จนรู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้นมาบ้าง และพอได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีจริง ๆ ความรู้สึกกดดันเหล่านั้นก็ค่อย ๆ หายไป กลับกลายเป็นความมั่นใจแทน เพราะมุกรู้สึกว่าเราเตรียมตัวมาดีที่สุดแล้ว พอตอนประกาศผลก็แอบกังวลนิดนึงว่าเราจะชนะไหม เราจะเสียใจไหมเพราะคนอื่นก็ทำได้ดีเหมือนกัน ผลสรุปคือ เราได้รางวัลชนะเลิศ และเราก็รู้สึกว่า ไม่ว่าเราจะชนะ หรือแพ้ มุกจะไม่เสียใจกับผลประกาศในวันนั้น เพราะมุกได้ทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยมุกก็ได้พัฒนาตัวเองและยังได้ประสบการณ์ ได้ Connection ที่หาจากที่ไหนไม่ได้”

         เธอยังเล่าอีกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณมุกชนะในงานประกวดนางนพมาศ ก็ต้องขอบคุณครอบครัว พ่อแม่ กองเชียร์ และเพื่อนทุกคนที่สนับสนุนและให้กำลังใจถึงข้างเวที ทำให้มุกรู้สึกว่า เสียงเชียร์ คือกำลังใจ เสียงเชียร์เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีความมั่นใจและกล้าที่จะเฉิดฉายบนเวที ถ้าเราไม่มีพวกเขามันไม่มีทางเลยที่เราจะมาไกลได้ขนาดนี้

มุมมองความสำเร็จ

         นิยามความสำเร็จของแต่ละคนนั้นต่างกัน มุกได้นิยามความสำเร็จของตัวเอง คือการที่เราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข ทำในสิ่งที่ชอบ และสบายใจ มองเห็นครอบครัว มองเห็นคนที่เรารักมีความสุขและอยู่ร่วมกับเรา ส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้เราไปนาน ๆ สิ่งเหล่านี้คือนิยามความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่

         ถ้าหากมองตัวเองในอีกห้าปีข้างหน้า มุกมองว่าแค่อยากจะเป็นมุกในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม ไม่ว่าตอนนั้นจะตัดสินใจเดินไปในทิศทางไหน แต่ก็หวังว่าตัวเองจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้เลือกลงไป มุกจะเคารพการตัดสินใจของตัวเองในอนาคต และจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้คือข้อความที่เธออยากบอกตัวเองในอนาคต

         หากย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองในอดีตได้ด้วย เธอก็อยากจะบอกว่าขอบคุณที่เลือกทางเดินนี้ ขอบคุณที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ขอบคุณที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และขอบคุณที่จริงจังและจริงใจกับตัวเองอยู่เสมอ เพราะการพัฒนาตัวเองตลอด 5 ปีที่ผ่านมานั้น ทำให้เธอมีทุกวันนี้ได้ และไม่เคยเสียใจกับอดีตที่ผ่านมา เพราะได้ทำทุกอย่างลงไปอย่างเต็มที่แล้ว

         เธอยังฝากคำแนะนำสำหรับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะชอบเส้นทางไหน ไม่ว่าเราอยากจะทำอะไร ก็ทำให้มันเต็มที่ทุกทาง เพราะทุกเวที ทุกสถานที่ มีโอกาสที่รอเราอยู่ตรงนั้น เราแค่ต้องรีบคว้ามันเอาไว้และทำมันให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลสุดท้ายแล้ว จะสมหวังหรือไม่สมหวังก็ตาม แต่ถ้าเราทำลงไปอย่างดีที่สุดแล้ว เราจะไม่เสียใจ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดีเสมอ

         แม้เวทีประกวดนางนพมาศของมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้จบลงไปแล้ว แต่เวทีชีวิตของมุกยังคงทอดยาวให้เธอก้าวเดินต่อไป ต่อไป และต่อไป พวกเราขออวยพรเอาใจช่วยให้เธอโชคดีกับเส้นทางความฝันที่เลือกเดิน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ มุก-ศิริพรรณ ศิริประทุม รุ่นพี่สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Writer

นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Photographer

นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ