แม่เจ้าจันทร์ สายใยที่ไม่มีวันจางหาย

ความรักและมิตรภาพอันงดงามของสองสาวต่างที่มาแต่มีหัวใจเดียวกัน

            วินาทีที่สองเราสบตากัน ภาพจำดี ๆ ที่เคยผ่านมาด้วยกันก็ปรากฏขึ้น ฟาน คือผู้หญิงครั้งที่เจอกันที่ตลาดแห่งหนึ่งในเวียดนาม เราชอบในความน่ารัก อ่อนหวาน สุภาพของเธอ และการได้เจอกันอีกครั้งในร้านอาหารเวียดนามแห่งนี้ จะทำให้รู้ว่า มะอึน สาวแว่น เด็กติ้ดคนนี้ กำลังสร้างโลกที่ละมุน สดใส ไปด้วยกัน

ตอนที่ 1 เฝ้าคำนึง

            ณ สวนในบ้านแห่งหนึ่ง ในบรรยากาศที่มืดครึ้ม พอมีแสงสลัวจากหลอดไฟเล็ก ๆ อากาศกำลังเย็นสบาย มีกลิ่นไอใบไม้เขียว ๆ ดวงจันทร์ที่เต็มดวง “มะอึน” หญิงสาวผมหยิกลอน ในชุดนอนขายาว แขนยาวของเธอ กำลังนั่งเขียนประโยคอะไรบางอย่าง เธอแหงนมองขึ้นบนท้องฟ้า ด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

            ภาพบรรยากาศครั้งที่มะอึนเคยได้เดินไปบริเวณตลาดแห่งหนึ่งใน เวียดนาม ได้ผุดขึ้น ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ เธอก็จินตนาการไว้แล้วว่า บรรยากาศน่าจะเป็นในโทนสีสัน เก่า ๆ แต่เรียบง่าย และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นแนวพื้นบ้าน ๆ ซึ่งเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตนเอง ก็เต็มไปด้วยความประทับใจ โดยสถานที่ที่มะอึนมาเที่ยว ณ ตอนนี้ ชื่อว่า “ฮอยอัน” เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ และยังคงเสน่ห์ในความเป็นเมืองเก่า สังเกตจากร่องรอยของสถาปัตยกรรม ตึกเหลืองคัสตาร์ดที่ผสมความเป็นยุโรปกับเอเชียเข้าด้วยกัน หรือแสงสียามค่ำคืน ในคืนพระจันทร์เต็มดวง จากกระทงกระดาษหรือโคมไฟ บรรยากาศนักท่องเที่ยว กำลังซื้อขายกับชาวเวียดนาม คาเฟ่ ร้านอาหารข้างทาง วิถีเกษตรกรชาวนาต่าง ๆ ทำให้มะอึนประทับใจในความเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ของฮอยอันมาก

            หนึ่งสิ่งที่ทำให้เธอจดจำและหยุดที่จะจดจ่อไม่ได้คือ สาวเวียดนามคนหนึ่ง

            ในตอนที่มะอึนกำลังเดินดูของขาย ผลไม้ ผักสด หรือ การซื้อขายของพ่อค้าแม่ค้าต่าง ๆ ในตลาดของฮอยอัน อย่างเพลิดเพลิน ไหล่ของเธอก็ได้ไปโดนเข้ากับใครคนหนึ่ง แล้วลูกกลม ๆ ในตะกร้าของอีกฝ่ายก็หล่นลง มะอึนกำลังจะลงไปหยิบลูกส้มจี๊ดให้และมือทั้งสองคนก็สัมผัสกัน ทั้งสองหันมามองกัน ภาพที่มะอึนเห็นคือ หญิงสาวในชุดอ่าวหญ่ายสีขาวหรือชุดประจำชาติของเวียดนาม ล้อมกรอบใบหน้าด้วยผมยาวสีดำสนิท ขับผิวอันสว่าง ๆ ของเธอได้อย่างสะดุดตา ทั้งสองสบตากันสักพัก ก่อนที่สาวคนนั้นจะลุกขึ้น กล่าว “กามเอิน” ด้วยท่าทางสุภาพ ระบายด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ และจากไป

            สิ่งที่ตราตรึงในใจมะอึนไม่ใช่แค่ความหน้าหวานของสาวสวดชุดอ่าวหญ่ายคนนั้น แต่คือความน่ารัก สุภาพ กริยามารยาท ที่สำหรับในมุมของมะอึนแล้วคือกริยาที่น่าหลงใหล อ่อนหวาน และงดงามมากเลย

            ระหว่างที่มะอึนกำลังค่อย ๆ คิดถึงใครคนหนึ่งอยู่ มุมปากของเธอก็ค่อย ๆ เผยยิ้มออกมา แล้วจรดปากกา เขียนประโยคหนึ่งลงไปในกระดาษของเธออีกครั้ง ซึ่งเป็นเพลงที่เธอกำลังแต่งอยู่นั้นเอง จากความรู้สึกที่ว่าถ้าพบเจอกันอีกจะถามว่า “สบายดีบ้างไหมเธอ” (อีกประโยคที่มะอึนเขียนลงโน้ตเพลงนั้น)

ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง

            ด้วยความที่ติดใจในความเป็นเวียดนาม เมื่อกลับมาบ้าน มะอึนก็ได้ลองค้นหาร้านอาหารเวียดนามที่น่าลองดู และก็พบกับร้านอาหารเวียดนามเปิดใหม่แห่งหนึ่งในอยุธยา จึงได้เข้าไปใช้บริการ ขณะที่เธอกำลังดูเมนูอยู่ด้วยความตื่นเต้น ในหน้าตาที่หน้ากิน และ ความแปลกใหม่ของอาหาร เธอก็ได้เงยหน้าขึ้น และพบกับใบหน้าที่คุ้นเคย ดวงตาของมะอึนค่อย ๆ หยี่ลง แสดงถึงความคิดถึงปนดีใจ ด้วยรอยยิ้ม มะอึนพูดไปว่า “สวัสดีจ้ะ น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ”

            ท่าทางของหญิงสาวเวียดนามที่มะอึนเคยพบในครั้งนั้นและมาพบกันอีกครั้งในร้านอาหารแห่งนี้ คือความตกใจ ชื่นใจ ยินดี เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง แต่เป็นในภาษาไทย เธออยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟสีชาไทย และทำผมเป็นเปียสองข้าง รวบไว้ข้างหน้าบ่า เธอเขินแล้วดึงมือขึ้นมาปิดส่วนปากไว้ แต่ก็ไม่ได้ซ่อนความในใจบางอย่างของเธอ มะอึน สังเกตได้จากแววตาที่เศร้าลงหลังจากอาการอายนั้น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

            ทั้งคู่สนทนากันด้วยท่าทีสนุกสนาน มะอึนจึงได้รู้ว่า หญิงสาวที่เธอได้เจอถึงสองครั้งมีชื่อว่า “ฟาน” เธอพึ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน แต่ความที่เธอเป็นสาวเวียดนาม เธอสามารถตอบได้ว่าเมนูไหนทำด้วยอะไรบ้าง แสดงถึงการมีความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับประวัติ วัฒนธรรมเวียดนามอย่างลึกซึ้ง หลังจากที่ฟานได้ส่งออร์เดอร์แล้ว ทั้งคู่ก็คุยกันสักพัก ทั้งเกี่ยวกับตัวเธอ มะอึน และความน่าหลงใหลเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม จากนั้นฟานก็กลับไปทำงานต่อ

            การพบกันอีกครั้ง ยิ่งทำให้มะอึนรู้สึกว่า เจ้าผู้หญิงที่ชื่อว่า ฟาน คนนี้ น่ารักเกินไปแล้ว ถึงเธอจะไม่ได้พูดเก่ง ค่อนข้างไปทางขี้อาย แต่ความอ่อนหวานของเธอ ทั้งรอยยิ้มและกริยา มันทำให้มะอึนหยุดคิดถึงเธอไม่ได้จริง ๆ

            “จะทำให้พี่ละเมอ ไปถึงแห่งไหนกันเล่า”

            (อีก 1 ประโยคในเพลงของมะอึน ที่ได้แต่งลงไป)

ตอนที่ 3 ความผิดพลาด

            ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่มะอึนได้เดินเปิดประตูเข้ามาในร้านนี้ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เธอจินตนาการถึงภาพรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ฟานจะยิ้มมาให้ หลังจากที่ทักทายฟาน และวันนี้ก็เป็นอีกวันเช่นเคยที่เธอยิ้มให้

            แต่เป็นรอยยิ้มที่ต่างกันออกไป…

            ตอนนี้ฟานกำลังกอดถาดเสิร์ฟอาหารแนบไว้กับอก ข้าง ๆ เป็นลูกค้าผู้ชายที่กำลังโมโห ชี้หน้าฟานอยู่ ถัดไปเป็นลูกค้าผู้หญิงอีกท่านที่หน้าเหวอ มองที่เสื้ออันเปรอะเปื้อนของตนไปด้วยน้ำกาแฟสีน้ำตาล และบนพื้นคือแก้วกาแฟที่หกแตกเลอะเทอะ กระจายไปทั่ว

            ใช่แล้ว มีอุบัติเหตุเล็ก ๆ เกิดขึ้นในร้าน ฟานเดินชนลูกค้าผู้หญิงท่านนั้น น้ำกาแฟคาปูชิโน่เย็น ๆ ก็หกใส่ลูกค้า เธอขอโทษขอโพยหลายครั้ง แล้วบอกว่าจะจ่ายค่าเสื้อให้ แต่แฟนผู้ชายก็ไม่ยอม เพราะเป็นเสื้อตัวใหม่ ที่หายากมาก ที่เขาตั้งใจซื้อให้แฟนเขา

            สักพักผู้จัดการก็เริ่มเข้ามาคุยด้วยและต่อรองกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ฟานมองมาที่มะอึนด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ สีหน้าที่เหมือนแบกภาระกับความหนักใจในตัวเอง ทำให้ฟานดูไม่เหมือนเดิม มะอึนไปนั่งตรงโต๊ะที่นั่งประจำ แล้วหวังว่าจะได้พูดให้กำลังใจอะไรฟานบ้าง

            สั่งอาหารแล้ว อาหารเสิร์ฟแล้ว ทานเสร็จแล้ว ฟ้ามืดแล้ว ร้านใกล้ปิดแล้ว ฟานก็ยังคงไม่เข้าหามะอึนอยู่ดี มากกว่านั้นคือ “เธอหายไปไหน” (มะอึนคิด)

ตอนที่ 4 เสน่ห์ของความตั้งใจ

            ขณะที่มะอึนกำลังเดินทางกลับบ้านทางหลังร้าน ก็มีเสียงเบา ๆ เล็ก ๆ ที่มะอึนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกำลังดังขึ้น มะอึนมองตามเสียงนั้นไป มันมาจากทางข้างบนของร้าน ถ้าขึ้นไปเธอจะได้เจออะไรกันนะ คิดแล้วเธอก็ค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดไป เสียงค่อย ๆ ชัดขึ้น เป็นเสียงที่นุ่มนวล ละมุน เพลิดเพลิน ปนเศร้า ๆ และเมื่อถึงปลายบันไดชั้นสอง มะอึนหันไปตามเสียงนั้นก็พบกับหญิงสาวผมดำตรงอันคุ้นเคย กับชุดอ่าวหญ่ายสีขาว ในท่ารำที่แขนทั้งสองข้างค่อย ๆ ปล่อยตัวลงไปทางซ้ายข้างลำตัว

            ฟานกำลังรำเพลง ๆ  หนึ่ง คล้าย ๆ เพลงจีน แต่จากชุดที่ฟานใส่นั้น และหมวกนอนล้า (หมวกทรงเหลี่ยม ๆ ทำจากไม้ไผ่หรือหมวกงอบของเวียดนาม) มะอึนจึงเข้าใจแล้วว่าฟานกำลังรำเพลงเวียดนาม

            ฟานกำลังหยิบหมวกที่วางอยู่บนพื้น ขยับมันไปทางซ้ายมือ ด้านบน แล้ววนมาตรงกลางด้านบน เหมือนกำลังวาดวงกลม แต่พอมาถึงตรงเหนือศีรษะก็ทำหมวกตกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ฟานวิตกกังวล และเหมือนมะอึนนึกไอเดียบางอย่างออก เธอเผยยิ้มออกจากตรงด้านหลังกระจกที่กำลังส่องฟานอยู่ เธอหันไปคว้าของบางอย่างจากกระเป๋าของเธอ แล้วสอดไว้ใต้ประตู

            ตอนนี้เพลงที่ฟานเปิดได้จบลงแล้ว และเธอกำลังนั่งทำหน้าซึม ๆ มองไปบนฟ้ายามค่ำคืน กับหมวกนอนล้าบนศีรษะของเธอ เธอได้ยินเสียงเล็ดลอดมาทางประตู พอหันไป ก็สังเกตเห็นแผ่นกระดาษสีขาวสอดอยู่ที่ช่องประตู เธอเดินเข้าไปหยิบ และเปิดอ่านในมุมที่มีแสงส่อง

            โอ้ พระจันทร์ดวงน้อย ที่ส่องแสงสดใส ทำไมยิ้มหวานจัง เอาหล่ะแม่ยอดตาหวาน มาคุยซักทีหน่อยเถอะ จะทำให้พี่ละเมอไปถึงแห่งไหนกันเล่า แม่เจ้าจันทร์งดงาม แสนสดใส แม่เจ้าจันทร์งดงาม ยิ้มตาหวาน แม่เจ้าจันทร์งดงามน่าขยี้ใจ แม่เจ้าจันทร์หัวใจของพี่เอย (x2)

            ภาพครั้งที่ฟานเคยทำงานที่ร้านนี้ค่อย ๆ ผุดขึ้น ในความนึกคิดของเธอ ไม่ว่าจะตอนเธอยิ้มต้อนรับลูกค้า พาลูกค้าสูงอายุเดินเข้าห้องน้ำ สอบถามลูกค้าถึงรสชาติอาหาร ถามคำติชมตอนกำลังเก็บจานที่กินเสร็จแล้ว หรือตอนปาดเหงื่อตัวเองด้วยรอยยิ้ม มุมมอง ความคิด ที่เธอได้จากเพลงนี้ มันเหมือน สะท้อนตัวตนของเธอ

            เธอรู้สึกดี ภูมิใจ และมีความสุขอย่างประหลาด เธอเกิดสงสัยว่าใครกัน ที่เป็นคนเขียนจดหมายนี้ เธอวางมือที่ถือกระดาษลง แล้วหันไปที่ประตูแต่ไม่เห็นใครเลย

            เธอหันกลับมา พร้อมความรู้สึก ฮึด เปี่ยมไปด้วยกำลังใจ ตอนนี้เธอมีพลัง และมั่นใจในตัวเองแล้ว เธอกำหมัดขึ้นไว้ที่อก แล้วยิ้มกับตัวเอง

            “เธอทำได้ เจ้าฟาน” (ฟานคิด)

ตอนที่ 5 กล้าต่าง กล้าเปลี่ยน

            มีบางอย่างที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปในตัวฟาน ลูกค้าไม่มีแล้ว พนักงานก็เริ่มเก็บกวาดของในร้านกัน ฟานก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังเก็บร้านอยู่ แต่เปี่ยมไปด้วย ความรู้สึกเต็มใจ อย่างมีความสุข

            ฟานค่อย ๆ เช็ดโต๊ะลูกค้าที่เปรอะไปด้วยเศษอาหาร กองรวมมันที่เดียวกันแล้วปัดทิ้งลงถุงขยะ เธอฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อ แล้วตามด้วยเช็ดโต๊ะให้สะอาด

            หลังจากที่ล้างแก้วเสร็จแล้ว ฟานก็หยิบแก้วมาเช็ด ดูความสะอาด แล้วเก็บเข้าชั้น ระหว่างนั้นเธอก็ทักทายเพื่อนร่วมงานด้วยรอยยิ้ม พร้อมคำพูดส่งกำลังใจ เช่น วันนี้เหนื่อยไหมคะ เก่งจังเลย 555 สู้ ๆ นะคะ เดี๋ยวก็ได้พักแล้วนะคะ ไม่เหมือนปกติที่เธอมักจะตั้งใจทำงานมากกว่าคุยกับเพื่อนในงาน ทำให้พนักงานคนอื่น ๆ รู้สึกชื่นใจในตัวฟานมากขึ้น

            วันนั้นเป็นเทศกาลสำคัญวันหนึ่ง พนักงานส่วนใหญ่จึงแต่งชุดอ่าวใหญ่ และร้านก็จะประดับตกแต่งไปด้วยของประดับประดาต่าง ๆ หนึ่งในนั้นมีธงประดับ รูปสามเหลี่ยมด้วย ฟานอาสาเป็นคนเก็บส่วนนี้ให้ ในระหว่างที่คนอื่น ๆ ค่อย ๆ เก็บส่วนอื่น กวาดบ้าง หรือ ถูบ้าง แล้วแต่คน เธอเหยียบเก้าอี้ขึ้นไปแกะธงเหล่านั้น เมื่อธงประดับหล่นหมด เธอก็คว้ามันขึ้นมากอด เธอกอดมันด้วยความอบอุ่นและปล่อยอมยิ้มเล็ก ๆ ออกมา

            เมื่อมาถึงช่วงท้ายของวันทำงานนั้น ฟานกำลังจะเดินกลับออกทางหลังร้าน ในมือก็ถือโน้ตเพลงที่ไม่รู้ใครเป็นแต่งด้วย แต่แล้วกลับได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นชิน เพลงเวียดนามที่เธอชอบเปิดตอนระบำหมวก เวลาเธอรู้สึกอยากอยู่คนเดียว เธอหันไปตามเสียงเพลง ด้วยความสงสัย เธอก็ได้เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง

            เหมือนเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง มีหญิงสาวผมหยิกลอน ที่รวบมัดผมไว้ กำลังชูแขนทั้งสองขึ้นยกไปทางขวา และสะบัดมือขึ้นลง ด้วยความงง และสับสน จากนั้นเธอเอามือเกาหัวตัวเองอย่างเนือย ๆ

            ฟานที่เห็นดังนั้น จึงอดยิ้ม หัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ ก็เอามือข้างหนึ่งขึ้นมาป้องปาก

            “มะอึนน่ารักจังเลย” (ฟานคิด)

ตอนที่ 6 ระบำหมวก

            ระบำหมวก เป็นการระบำอย่างหนึ่งของเวียดนาม มีชื่อภาษาเวียดนามว่า “หมัวหนอน” ต้นกำเนิดอยู่ทางภาคเหนือของเวียดนาม โดยให้สาวเมืองเว้ มาใส่ชุดอ่าวหญ่าย กับหมวกนอนล้า มาระบำหมวก

            ในตอนนี้ มะอึนกำลังศึกษาการระบำนี้อยู่อย่างผิด ๆ ถูก ๆ ตามเพลง และท่ารำที่มะอึนเห็นจากฟาน

            ดูเผิน ๆ มันอาจจะง่าย และไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แต่กับคนที่ไม่ค่อยเก่งเรื่อง ระบำ รำวง อย่างมะอึนแล้ว มันช่างน่างงจังว้า มะอึนได้แต่บ่นกับตัวเอง ทั้ง ๆ ที่มือก็รำต่อไป ก็มันสวยก็น่าจะลองรำซักหน่อยเนอะ

            “ทำตามเรานะ”

            “อุ้ย”

            ฟานเข้ามาทักมะอึน โดยมะอึนก็ไม่ได้เตรียมใจ ฟานยิ้ม และตั้งวงแขนขึ้น ค่อย ๆ สอนท่าต่าง ๆ ให้มะอึน

            “ก่อนอื่นก็ตั้งวงประมาณนี้…ขยับมือประมาณนี้…ยกขาขึ้นนิดนึง…และเปลี่ยนข้าง…”

            ทั้งสองรำไปเรื่อย ๆ อย่างสนุกสนาน จากท่านี้ ขยับเป็นท่านี้ วางหมวกลงบ้าง รำบ้าง หยิบหมวกขึ้นมา วาดหมวกขึ้นลง และขยับตัวเองเดินวนเป็นวงกลม จบด้วยสวมหมวกไว้บนศีรษะ ทั้งสองหันมายิ้มให้กัน อาจมีถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ก็เป็นเวลาที่งดงาม

            มะอึนและฟานตบมือกัน และนั่งลงดูดวงจันทร์เต็มดวงไปด้วยกัน

            เวลานี้ร้านอาจใกล้ปิดแล้ว เหลือแต่คนงานที่นอนชั้นบน ไฟในร้านที่เหลือน้อยดวงเต็มที ทั้งสองก็ยังคงนั่งไปเรื่อย ๆ พูดคุย สนทนากันเหมือนไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน กับอากาศที่เย็นสบาย ลมพัดเบา ๆ ยิ่งทำให้ต่างฝ่ายต่างนั่งอยู่อย่างนั้นต่อไป จนในที่สุด เมื่อดูเวลาแล้วว่าควรกลับ ต่างฝ่ายก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

            “คืนนี้ มีความสุขมากจริง ๆ” มะอึนคิดระหว่างกลับบ้าน

ตอนที่ 7 จากลาแต่ติดต่อกัน

            ถึงแม้มะอึนและฟานจะแยกย้ายจากกันไปแล้ว และไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันผ่านจดหมายอยู่ มะอึนนั่งอยู่ตรงบริเวณสวนในบ้านตอนกลางคืนที่เดิม และที่ประจำ เพื่อที่จะเขียนจดหมายส่งถึงฟาน

            “ฟาน ตอนนี้เป็นไงบ้าง ตอนนี้เรามีความสุขมากเลย เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เป็นนักเขียนเหมือนที่เคยฝันไว้ได้แล้วนะ” (ส่วนหนึ่งของจดหมาย ที่มะอึนเขียนถึงฟาน)

            ดีใจด้วยนะมะอึน เราก็มีความสุขเหมือนกัน เราเป็นนางรำอย่างที่ฝัน และชอบระบำหมวกมากเลยหล่ะ ถึงจะยากช่วงแรก แต่กลับมีความสุข และอยากทำไปนาน ๆ นะ ” (ส่วนหนึ่งของจดหมาย ที่ฟานเขียนถึงมะอึน)

            ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ความคิดถึงไม่ได้ห่างกันเลย ในมุมที่ต่างกันออกไป ตอนกลางคืนที่พระจันทร์เต็มดวง มะอึนและฟานมองดวงจันทร์ดวงนั้นพร้อมกัน ยิ้มอย่างมีความสุข มันทำให้รู้ว่า ตัวตนของเรา ถ้าเราตีค่าว่าทำได้แค่ไหน มันก็ทำได้แค่นั้นจริง ๆ แต่หากเราได้เห็นอีกมุม เราจะรู้ว่า มุมน่ารัก ๆ เราก็มีอยู่มากมายเช่นกัน เหมือนที่มะอึนได้ถ่ายทอดให้ฟานเห็นผ่านเพลงว่า ถึงเธอจะขี้อาย แต่เธอทั้งน่ารัก และอ่อนโยนมากเช่นกัน

Writer & Illustrator

สนุก เฮฮา ร่าเริง คือหนึ่งจุดที่ใคร ๆ ก็เห็นฉัน ก้าวต่อไปที่อยากเป็น คือผู้สร้างความสุขให้คนรอบข้าง โดยที่ตัวเองทำแล้วสดชื่น เรียน BUCI และมีธุรกิจส่วนตัว

Illustrator

ถึงเราจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงครั้งเดียวแล้วก็ต้องจากโลกใบนี้ไปในที่สุดก็ตาม ยังไงเราก็ต้องลองใช้ชีวิตในแบบของตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองฝันไว้ให้เป็นจริงในสักวัน

Illustrator

รูปภาพสามารถสื่อความหมายได้หลากหลาย อยู่ที่ว่าเราจะนำไปใช้ทำอะไร ไม่มีใครถ่ายรูปไม่ดี ทุกรูปล้วนมีสวยงามในตัวของมันเอง